สิงคโปร์ประกาศขึ้นภาษีอสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวต่างชาติจากอัตรา 30% สู่ 60% หวังลดความร้อนแรงตลาดที่อยู่อาศัย หลังกังวลราคาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อาจสูงเกินปัจจัยพื้นฐาน ท่ามกลางการหลั่งไหลเข้าสิงคโปร์ของเศรษฐีจำนวนมาก อาจทำให้ผู้คนในประเทศมีบ้านยากขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสิงคโปร์ในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจ
วันนี้ (27 เมษายน) รัฐบาลสิงคโปร์ระบุในแถลงการณ์ว่า กำลังเตรียมขึ้นภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังที่สองและชาวต่างชาติที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ส่วนบุคคล
โดยสำหรับอัตราภาษีอสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัวเป็น 60% จากอัตราที่ 30%
ทั้งนี้ ภาคอสังหาริมทรัพย์ของสิงคโปร์นับว่ายังสดใสอยู่ แม้ว่าภาคอสังหาในประเทศอื่นๆ จะเผชิญกับการชะลอตัว เนื่องจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากเงินไหลเข้า โดยเฉพาะจากชาวจีนผู้มั่งคั่ง
นอกจากนี้การขาดแคลนอุปทานและต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้นในช่วงที่เกิดการระบาด ยังส่งผลให้ราคาบ้านและค่าเช่าในสิงคโปร์พุ่งสูงขึ้น สร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้อยู่อาศัย
ฉางซู หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคของ Bloomberg Economics กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราภาษีดังกล่าวอาจชะลอการเคลื่อนย้ายเงินทุนไปยังสิงคโปร์ได้ แต่อาจไม่มากเท่าที่หวัง เนื่องจากความต้องการในการกระจายสินทรัพย์ยังคงแข็งแกร่ง และสิงคโปร์ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ในเอเชีย
การขยายตัวของตลาดที่อยู่อาศัยในสิงคโปร์นับว่าแตกต่างจากศูนย์กลางการเงินคู่แข่งอย่างฮ่องกง ที่ประสบกับการอพยพย้ายถิ่นของผู้อยู่อาศัยอย่างมากในช่วงที่เกิดการระบาด
โดยปัจจุบันชาวต่างชาติที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงต้องเสียภาษีโรงเรือนในอัตรา 30% น้อยกว่าอัตราภาษีใหม่ของสิงคโปร์ถึงครึ่งหนึ่ง
นอกจากนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ฮ่องกงยังได้ลดอัตราภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกที่มีมูลค่าไม่เกิน 10 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงด้วย เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย
มาตรการล่าสุดของสิงคโปร์เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขึ้นภาษีที่บังคับใช้มาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2022 นอกจากนี้เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา สิงคโปร์ยังได้คุมเข้มมาตรการจำกัดวงเงินสินเชื่อบ้านด้วย
อย่างไรก็ตาม ราคาอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์ ณ ไตรมาสแรกของปีนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงสัญญาณเร่งตัวใหม่ท่ามกลางอุปสงค์ที่ฟื้นตัวอยู่ดี
แบรนดอน ลี นักวิเคราะห์ของ Citigroup ได้เขียนไว้ในบันทึกว่า การขึ้นอัตราภาษีสำหรับผู้ซื้อชาวต่างชาติรุนแรงเกินเหตุ (Draconian) พร้อมคาดว่าจะส่งผลกระทบทางลบต่อหุ้นของบริษัทผู้พัฒนาอสังหาด้วย
นอกจากนี้ Citigroup ยังคาดการณ์ว่า การเพิ่มขึ้นของราคาบ้านในสิงคโปร์จะเริ่มชะลอตัวในอีกไม่กี่ไตรมาสข้างหน้า โดยอยู่ที่ขยายตัวราว 2% แต่จะไม่ติดลบ เนื่องจากตลาดการจ้างงานที่ดี
ทั้งนี้ ราคาบ้านในสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 3.2% ในไตรมาสแรก
หุ้นของ City Developments Ltd. ของสิงคโปร์ ลดลงมากถึง 6% ในวันนี้ (27 เมษายน) ซึ่งเป็นการลดลงระหว่างวันที่หนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2020 ขณะที่ UOL Group Ltd. ลดลงมากถึง 5.3%
การเพิ่มขึ้นของราคาอสังหาริมทรัพย์กำลังสร้างความไม่สบายใจให้แก่ชาวต่างชาติและคนในท้องถิ่น โดยจากการสำรวจความคิดเห็นของ YouGov ที่จัดทำขึ้นเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 2 ใน 3 รู้สึกว่า รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัย (Housing Affordability) มากขึ้น
โดยประเด็นนี้ยังน่าจะถูกหยิบยกในระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีสิงคโปร์ที่จะมีขึ้นในปีนี้ด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เกิดอะไรขึ้นกับ ‘ฮ่องกง’ ทำไมสถานะ ‘ศูนย์กลางทางการเงินของเอเชีย’ กำลังถูกสั่นคลอน และอาจกลายเป็นแค่อดีต
- ส่องกรณีศึกษาการเติบโตของ เศรษฐกิจสิงคโปร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่รออยู่ข้างหน้า
- เปิดจุดเด่น เวียดนาม หลังจ่อขึ้นแท่นประเทศที่คว้าชัยในยุค Deglobalization
อ้างอิง: