×

Silent Love ให้ความรักช่วยโอบกอดความเจ็บปวด

05.02.2024
  • LOADING...
Silent Love

Silent Love เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่น่าจับตามองจากเทศกาล JAMNIME FESTIVAL 2024 ที่คัดสรร 8 ภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่องเยี่ยมหลากรสชาติมาให้คออนิเมะและภาพยนตร์ญี่ปุ่นชาวไทยรับชมกัน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 2-4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยภาพยนตร์ได้มีการจัดฉายรอบ 

 

สำหรับ Silent Love คือภาพยนตร์โรแมนติกดราม่าภายใต้การกำกับของ เอจิ อูจิดะ จาก Midnight Swan (2020) และ Offbeat Cops (2022) ที่ได้สองนักแสดงชื่อดังอย่าง ยามาดะ เรียวสุเกะ จาก Fullmetal Alchemist (2017) และ ฮามาเบะ มินามิ จาก Godzilla Minus One (2023) มาร่วมถ่ายทอดความสัมพันธ์ของชายหนุ่มผู้สูญเสียการพูดและหญิงสาวที่สูญเสียการมองเห็น 

 

ภาพยนตร์ว่าด้วยเรื่องราวของ อาโออิ (ยามาดะ เรียวสุเกะ) ชายหนุ่มผู้สูญเสียการพูดไปจากอุบัติเหตุในอดีต เขาหันหลังให้กับบาดแผลอันเจ็บปวดและดำเนินชีวิตต่อด้วยการทำงานเป็นภารโรงในวิทยาลัยดนตรี 

 

แต่แล้ววันธรรมดาของอาโออิก็เปลี่ยนไป เมื่อเขาได้มาพบกับ มิกะ (ฮามาเบะ มินามิ) นักศึกษาวิทยาลัยดนตรีผู้สูญเสียการมองเห็นจากอุบัติเหตุ แต่เธอก็ยังคงเดินหน้าทำตามความฝันที่อยากจะเป็นนักเปียโนมากฝีมือต่อไป อาโออิจึงตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วยเหลือเธอ จนเกิดเป็นจุดเริ่มต้นของความรักที่มอบความหวังให้กับทั้งคู่ 

 

 

แม้ตัวภาพยนตร์จะใช้ชื่อเรื่องว่า Silent Love แต่จุดเด่นสำคัญของภาพยนตร์ที่ถูกสอดแทรกอยู่ในทุกส่วน คือดนตรีประกอบจากปลายปากกาของ โจ ฮิซาอิจิ ที่คอยโอบอุ้มและขยับขยายให้เราก้าวเข้าไปสำรวจมวลความรู้สึกของตัวละครภายในเรื่อง โดยเฉพาะฟากฝั่งของตัวละครอาโออิที่แม้จะไม่มีบทพูดใดๆ แต่ดนตรีประกอบที่น้อยแต่มาก ก็ช่วยเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละคร 

 

อีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ คือการแสดงของ ยามาดะ เรียวสุเกะ ที่นำเสนอความรู้สึกของตัวละครออกมาได้อย่างเด่นชัด ทั้งภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูเคร่งขรึม เฉยชา และห้อมล้อมด้วยบรรยากาศที่ดูไร้ชีวิตชีวา กระทั่งเขาได้โคจรมาพบกับมิกะ ยามาดะก็ค่อยๆ นำเสนอด้านที่อ่อนโยนและมีชีวิตชีวาให้เราได้สัมผัสมากขึ้น 

 

ขณะที่ ฮามาเบะ มินามิ ก็พาเราไปทำความรู้จักและสำรวจการเปลี่ยนแปลงของ มิกะ นักเปียโนผู้สูญเสียการมองเห็นได้น่าสนใจเช่นกัน เริ่มตั้งแต่ช่วงเวลาที่แตกสลายของตัวละครที่รับรู้ข่าวร้าย ความเข้มแข็งของมิกะที่ยังคงต่อสู้เพื่อความฝัน และการได้รับ ‘ความหวัง’ จากอาโออิที่ทำให้เธอกลับมามีรอยยิ้มได้อีกครั้ง

 

ไม่มากไม่น้อย แกนหลักสำคัญที่ Silent Love ต้องการนำเสนอ อาจไม่ได้เป็นการพาเราไปติดตามความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นของชายหนุ่มและหญิงสาวที่ต่างก็ถูกพรากบางสิ่งบางอย่างไปอย่างกะทันหันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพาเราไปสัมผัสกับพลังของคำว่า ‘ความรัก’ ที่ช่วยเติมเต็มและประคับประคองให้พวกเขาและเธอยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมีความหวังไปพร้อมกัน

 

 

 

อย่างไรก็ตาม Silent Love ก็มีข้อสังเกตที่เราแอบติดขัดอยู่เช่นกัน ประการแรกคือจังหวะการเล่าเรื่องที่ส่วนตัวผู้เขียนรู้สึกแอบยืดเยื้ออยู่ประมาณหนึ่ง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะตัวผู้กำกับและทีมสร้างต้องการค่อยๆ พาเราไปรู้จักตัวละครในหลากหลายแง่มุม แต่ก็มีบางช่วงบางตอนที่เราแอบคิดว่ายังสามารถรวบรัดให้ไม่ยืดเยื้อได้โดยที่ไม่กระทบกับเนื้อเรื่องมากนัก 

 

หรือในบางช่วงที่เราคิดว่าภาพยนตร์สามารถขยี้พาร์ตดราม่าเพื่อพาเราลงลึกไปกับเรื่องราวได้มากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าผู้กำกับและทีมสร้างจะพยายามยั้งมือเพื่อรักษาบรรยากาศของเรื่องมากเกินไป จนเราแอบรู้สึกว่าภาพรวมของภาพยนตร์ดูครึ่งๆ กลางๆ ไปสักหน่อย ซึ่งหากภาพยนตร์ไม่ได้การแสดงของสองนักแสดงนำที่เข้ามาช่วยแบกรับข้อสังเกตตรงนี้ไว้ก็อาจทำให้กราฟของเรื่องดูเรียบนิ่งเกินไปได้เช่นกัน 

 

รวมถึงเรื่องราวของ คิตามูระ (ชูเฮ โนมูระ) อาจารย์สอนเปียโนที่กำลังเผชิญกับปัญหาบางอย่างจนได้โคจรมาเจอกับอาโออิและมิกะ ที่เราแอบคิดว่าภาพยนตร์นำเสนอเรื่องราวของเขาไม่น่าสนใจเท่าไรนัก โดยเฉพาะเหตุการณ์ในช่วงท้ายของเรื่องที่เราคิดว่าการกระทำของเขายังไม่มีน้ำหนักมากพอ จนดูเหมือนว่าตัวละครนี้ถูก ‘จับวาง’ ให้ต้องทำบางอย่างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ผู้กำกับต้องการในตอนจบเพียงเท่านั้น 

 

 

ในภาพรวม Silent Love เป็นภาพยนตร์โรแมนติกดราม่าที่นำเสนอแง่มุมที่เปราะบาง การแบกรับบาดแผลในอดีต และความเข้มแข็งของสองตัวละครหลักอย่างครบถ้วน พร้อมเสริมให้เรื่องราวความสัมพันธ์ของอาโออิและมิกะแข็งแรงมากขึ้น รวมถึงดนตรีประกอบจากปลายปากกาของ โจ ฮิซาอิจิ ที่เชื่อมโยงความรู้สึกของตัวละครและผู้ชมเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว

 

Silent Love มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์ 

 

รับชมตัวอย่างได้ที่: 

 

 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising