ถ้าพูดถึง ‘ยาหม่องน้ำขวดแก้วเล็กๆ สีเหลืองอำพัน กับตัวอักษรจีนที่มีรูปหน้าอากงในกล่องบรรจุ’ คุณนึกถึงอะไร
นับถอยหลัง 3 2 1
นี่คือยาหม่องน้ำเซียงเพียวอิ๊ว แบรนด์ยาหม่องน้ำที่อยู่คู่กับคนไทยมากว่า 60 ปี
หัวใจสำคัญที่ทำให้เซียงเพียวอิ๊วในเครือของบริษัท เบอร์แทรมเคมิคอล (1982) จำกัด ติดหู ติดจมูก และติดใจคนไทยมานานก็เพราะคุณภาพ การพัฒนา และมาตรฐาน ที่ไม่ว่าผ่านมานานแค่ไหนก็มีแต่จะพัฒนาขึ้นมากกว่าเดิม
จนถึงวันนี้ที่เข้าสู่การบริหารของซีอีโอทายาทรุ่นที่ 2 อย่าง สุวรรณา เอี่ยมพิกุล หัวเรือใหญ่ที่ตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนว่า ไม่ได้ผลิตสินค้าเพื่อขายเพียงอย่างเดียว แต่คือการนำตราสินค้าของคนไทยเข้าไปอยู่ในเวทีโลก ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับสากล ขีดเส้นมาตรฐานใหม่ว่าคนไทยก็ทำสินค้าที่มีมาตรฐาน และสร้างชื่อเสียงให้คนไทยทุกคนภูมิใจ
การทำงานอย่างมี Passion มันจะสนุก มันคือการเอา ‘ใจ’ ไปใส่ในงาน
สูตรจากซินแส ปรับจนเป็นของตัวเอง
ความหมายของ เซียงเพียวอิ๊ว มาจากภาษาจีนแต้จิ๋ว
เซียง แปลว่า ดีกว่า เหนือกว่า
เพียว แปลว่า ตรายี่ห้อ
อิ๊ว แปลว่า น้ำมัน
ดังนั้น เซียงเพียวอิ๊ว จึงแปลว่า น้ำมันยี่ห้อที่ดีกว่าเหนือกว่า นั่นเอง
ซีอีโอรุ่นที่สองเล่าให้เราฟังว่า สูตรลับนี้ได้มาจากหมอจีนซึ่งเป็นญาติกับอาม่า ซึ่งหมอจีนจะมีสูตรยาน้ำครอบจักรวาลอยู่ ก็คือตัวเซียงเพียวอิ๊วนั่นเอง ไม่ว่าจะปวดท้อง ปวดหัว แมลงสัตว์กัดต่อย ปวดฟัน ก็ใช้ยาสูตรนี้ได้หมด
“คุณพ่อสนใจในสูตรยาจึงขอจากซินแส แต่ซินแสให้สูตรไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์นะ สมมติว่ามีอยู่ 15 อย่างในนั้น ซินแสก็ให้สักครึ่งหนึ่ง แล้วคุณพ่อก็ต้องเติมเข้าไปเอง ซึ่งคุณพ่อมีพรสวรรค์อย่างหนึ่งคือมีจมูกที่ดีมาก คุณพ่อจะใช้วิธีการดมกลิ่นว่าสูตรนี้ขาดอะไรไปบ้าง ก็หามาเติม หามาผสมจนสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วก็ใช้สูตรนั้นมาจนถึงวันนี้”
พ่อตระเวนขายตามร้านขายยา จนกระทั่งเปิดห้างหุ้นส่วน จักรินทร์เภสัช ขึ้นเพื่อเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย ‘เซียงเพียวอิ๊ว’ อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1967 และเมื่อเซียงเพียวอิ๊วเริ่มเป็นที่ยอมรับในวงกว้างทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากขึ้น กิจการก็เจริญเติบโตมากขึ้นตามลำดับ จึงย้ายสำนักงานจากย่านปากคลองตลาดมาที่ลาดพร้าวและจดทะเบียนเป็นบริษัท เบอร์แทรมเคมิคอล (1982) จำกัด ในปี ค.ศ. 1982”
ซีอีโอสาวรุ่นที่สอง
“พอเรากลับมาทำงานที่บริษัท เราออกไปสำรวจตลาดก่อนเลย โดยไปตามร้านขายยา แล้วก็ถามร้านเหล่านั้นว่า มีอะไรที่เราควรปรับปรุงให้ดีขึ้นไหม พอเราฟังลูกค้าก็เอาคำแนะนำเหล่านั้นมาปรับ เอาสิ่งที่ลูกค้าพูดมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างเช่นยาดมเป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์ เราค่อยๆ ทรานส์ฟอร์มเปลี่ยนจากบริษัทซึ่งเป็น Production Base มาเป็น Marketing Base
“คือพอเป็นซีอีโอ แปลว่าต้องดูทั้งบริษัท ความยากที่สุดเลยก็คือในเรื่องการบริหารโรงงาน เพราะว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีความรู้ เนื่องจากเป็นสายมาร์เก็ตติ้งมาก่อน เป็นความท้าทายมาก เรียนรู้จากการประชุม ไม่รู้ก็ถาม เรากล้าที่จะถาม เรากล้าที่จะบอกว่าไม่รู้ เพื่อเรียนรู้อะไรมากขึ้น”
การเป็นซีอีโอหรือหัวเรือใหญ่ที่ต้องนำคนหลายร้อยชีวิตไปข้างหน้า หากทำงานแล้วไม่สนุกหรือไม่มี Passion แล้ว คงไม่รู้จะทำงานไปเพื่ออะไร
“การทำงานอย่างมี Passion มันจะสนุก เพราะคือการเอา ‘ใจ’ ไปใส่ในงาน เราไม่ได้คิดว่าเป็นหน้าที่หรือทำเพื่อตัวเราเอง แต่เรามองออกไปไกลตัว มองว่าสิ่งที่ทำสามารถช่วยคนอื่นหรือสังคมให้ดีขึ้นได้อย่างไร พอเรามี Passion อย่างนี้ พนักงานก็เลยสนุกตามไปด้วย ผลลัพธ์จึงออกมาดี”
อีกส่วนที่ซีอีโอคนนี้มุ่งเน้นคือ การทำกิจกรรม CSR เพื่อนำประโยชน์คือสู่สังคม ด้วยหัวใจที่ว่า ‘มุ่งสู่สังคมที่ดีร่วมกัน’ โดยทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นด้านกีฬา การศึกษา และศิลปะ เช่น การจัดงานวิ่ง Bertram Sunrise Run ที่บางขุนเทียน โดยมอบรายได้ให้กับมูลนิธิต่างๆ
ถ้าผลิตสินค้าก็ผลิตสินค้าที่ดี ทำสิ่งที่ดีให้กับสังคม มันจะยั่งยืน
ของดียังคงไว้ แต่ปรับเปลี่ยนไปให้ทันโลก
แม้สูตรยาหม่องน้ำสูตรออริจินัลจะเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดตลอดกาล แต่เธอก็ไม่หยุดการพัฒนา เพราะมองว่ามีโอกาสใหม่ๆ อีกมากในการขยายตลาด และยังสามารถช่วยคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ได้มากขึ้น
“สินค้าปัจจุบันของเบอร์แทรมก็จะมีแบรนด์เซียงเพียว ที่เป็นยาหม่องน้ำ ยาบาล์ม ยาดม และเซียงเพียวรีลีฟครีม ครีมบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อที่ออกมาใหม่ แบรนด์เป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์ มียาดม บาล์มสติ๊ก และยาหม่องเจล นอกจากนี้เรายังมีร้านอาหาร Mint Cafe มีสนามจักรยานเสือภูเขา Peppermint Bike Park ทุกอย่างเกิดจากแนวคิดที่เราต้องปรับเปลี่ยนตามยุคสมัยหรือสร้างความสะดวกสบายให้ผู้ใช้มากขึ้น อย่างตอนเราเริ่มคิดทำผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Sport Marketing ก็คิดว่าต้องมีแบบครีม แบบสเปรย์ แบบลูกกลิ้ง คือเป็นรูปแบบใหม่ๆ ที่เหมาะกับการใช้งาน”
มาตรฐานทัดเทียมระดับโลก
โรงงานใหม่ของเบอร์แทรมตั้งอยู่ในพื้นที่ประมาณ 70 ไร่ มีทีมงาน 300 กว่าชีวิต ผลิตสินค้าได้ 80 ล้านชิ้นต่อปี แต่ถ้ากำลังการผลิตเต็มที่เราจะผลิตได้ 200 ล้านชิ้นต่อปี ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากโรงงานนี้ ถูกส่งออกไป 15 ประเทศทั่วโลก
“โรงงานใหม่เป็นโรงงานมาตรฐาน GMP PIC/S ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดที่ อย. (องค์การอาหารและยา) ให้ โดยเป็นมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลก มีห้อง Clean Room ในการผสมยา สะอาดเหมือนห้องผ่าตัด ทุกครั้งที่ผลิตสินค้าจะต้องมีการสุ่มตัวอย่างเพื่อตรวจเชื้อโรคเป็นมาตรฐานสากลเลยทีเดียว
เป้าหมายของเบอร์แทรมไม่ใช่แค่ปีที่ 60 แต่จะก้าวไปสู่ปีที่ 100 หรือ 200 อย่างเต็มภาคภูมิ
“วันนี้จุดมุ่งหมายของเราไม่ใช่แค่เป็นแบรนด์ที่ขายสินค้า แต่เราต้องการนำแบรนด์ของคนไทยไปอยู่ในระดับสากล ให้ชาวต่างชาติเห็นสินค้าไทยแล้วรู้สึกทึ่งกับผลิตภัณฑ์ ทึ่งกับคุณภาพและมาตรฐานที่สุดยอด อารมณ์เหมือนที่คนมองว่าผลิตภัณฑ์จากประเทศญี่ปุ่นแล้วยอมรับและอยากซื้อ เราอยากเป็นมากกว่าสินค้ายาหม่อง ยาดม แต่เป็นตัวแทนของประเทศที่จะไปสู่เวทีโลกได้อย่างยั่งยืน”
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์