ในสมรภูมิค้าปลีกที่การแข่งขันดุเดือด การสร้างความแตกต่างเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่การยืนหยัดด้วย ‘เอกลักษณ์’ ที่แข็งแกร่งจนกลายเป็น ‘Top of Mind’ ของผู้บริโภค คือเป้าหมายสูงสุดที่น้อยรายจะทำสำเร็จ สยามพารากอน และ ไอคอนสยาม ไม่ใช่แค่ชื่อของศูนย์การค้า แต่คือ ‘สัญลักษณ์’ ของประสบการณ์เหนือระดับ ที่ผู้คนเต็มใจใช้เวลาและสร้างความทรงจำร่วมกัน
เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือ ‘กลุ่มสยามพิวรรธน์’ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่เพียงสร้างตึก แต่ ‘สร้างชีวิต’ ให้กับเมือง สยามพิวรรธน์กล้าที่จะคิดนอกกรอบ และลงมือทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เปลี่ยนพื้นที่ค้าปลีกให้กลายเป็น Global Destination ที่มอบประสบการณ์แปลกใหม่ สร้างความประทับใจที่ฝังลึกในใจลูกค้า จนได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อสองทศวรรษก่อน กับการเปิดตัว สยามพารากอน ที่พลิกโฉมอุตสาหกรรมค้าปลีกไทยอย่างสิ้นเชิง ด้วยการนำเสนอประสบการณ์ลักชัวรี ไลฟ์สไตล์ และความบันเทิงระดับโลก ก่อนจะตอกย้ำความเป็นผู้นำด้วย ไอคอนสยาม อภิมหาโครงการริมน้ำเจ้าพระยา ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการรังสรรค์ ‘Extraordinary Experiences’ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ล่าสุดสร้างปรากฏการณ์ในงานสงกรานต์สุดยิ่งใหญ่ ผลักดัน ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ไทยสู่เวทีโลก ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและจากทุกมุมโลกนับหลายล้านคน สร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคการท่องเที่ยว โดยไอคอนสยาม ตอกย้ำความสำเร็จ No.1 Global Experiential Destination of Songkran Celebration 2025 จุดหมายปลายทางที่ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้คนทั่วโลก
โดยครองอันดับ 1 จุดเช็กอินยอดนิยม ได้รับการกล่าวถึงและสร้างเอนเกจกับผู้คนสูงถึง 534,215 Engagement จากข้อมูลของบริษัทไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) และมีผู้เยี่ยมชมสูงขึ้นทั้งในกลุ่มคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประสบความสำเร็จด้วยยอดทราฟฟิกเพียงศูนย์การค้าเดียวกว่า 1.44 ล้านคน สูงกว่าที่คาดไว้ 10%
กลุ่มวันสยาม ซึ่งประกอบด้วย สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติกว่า 1.75 ล้านคน
หัวใจสำคัญ: จากการซื้อขายสู่ประสบการณ์ที่ครองใจผู้บริโภค
ในยุคที่ ‘ประสบการณ์’ มีค่ามากกว่าแค่การครอบครองสินค้า สยามพิวรรธน์ได้ก้าวข้ามการเป็นเพียงสถานที่ซื้อขายไปสู่การเป็น ‘ผู้สร้างประสบการณ์’ อย่างเต็มตัว
ผลการศึกษาจาก McKinsey & Company ยืนยันเทรนด์นี้ โดยชี้ว่า แบรนด์ที่สามารถมอบประสบการณ์เฉพาะบุคคล (Personalized Experience) ที่เหนือกว่า จะมีอัตราการเติบโตสูงกว่าคู่แข่งถึง 2 เท่า สยามพิวรรธน์เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าลูกค้าไม่ได้มองหาแค่สินค้า แต่โหยหา ‘ความรู้สึก’ และ ‘เรื่องราว’ ที่น่าจดจำ
สยามเซ็นเตอร์ กับคอนเซปต์ ‘Ideaopolis’ เมืองแห่งไอเดียล้ำเทรนด์ คือตัวอย่างที่ชัดเจนของการเปลี่ยนพื้นที่ช้อปปิ้งให้เป็น ‘แหล่งรวมแรงบันดาลใจ’ ที่ตอบโจทย์ความต้องการเชิงลึกของผู้บริโภคยุคใหม่ การสร้างความรู้สึกเชิงบวกเหล่านี้ ไม่เพียงสร้างความผูกพัน ณ จุดขาย แต่ยังส่งผลต่อการรับรู้ในวงกว้าง
สอดคล้องกับข้อมูลจาก Qualtrics ที่ระบุว่า ประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมของลูกค้า คือเชื้อเพลิงชั้นดีของการบอกต่อ (Word-of-Mouth) ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อมากที่สุด ประสบการณ์อันน่าประทับใจที่สยามพิวรรธน์มอบให้ จึงเปรียบเสมือนการสร้าง ‘กระบอกเสียง’ ให้แบรนด์โดยอัตโนมัติ
‘ครีเอทีฟ DNA’ ผสาน ‘Soft Power’ อัตลักษณ์ที่ยากจะลอกเลียน
สิ่งที่ทำให้สยามพิวรรธน์โดดเด่นและยากที่คู่แข่งจะตามทัน คือ DNA แห่งความคิดสร้างสรรค์ที่ฝังลึกในองค์กร เพราะไม่ได้มองพื้นที่เป็นแค่ชั้นวางสินค้า แต่เป็น ‘เวที’ สำหรับศิลปิน นักออกแบบ และผู้สร้างสรรค์จากทั่วโลก การโอบรับและสนับสนุน Creative Thai อย่างจริงจัง
ตั้งแต่ดีไซเนอร์ ศิลปิน ไปจนถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น คือการนำ Soft Power มาสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างแยบยล แนวทางนี้ตรงกับหลักการ Placemaking ที่เน้นการสร้างอัตลักษณ์และความผูกพันผ่านวัฒนธรรมและบริบทท้องถิ่น
ซึ่งนักวิชาการด้านการพัฒนาเมืองชี้ว่า มีส่วนสำคัญในการเพิ่มความน่าดึงดูดใจและความสำเร็จของพื้นที่นั้นๆ ทำให้โครงการของสยามพิวรรธน์มี ‘จิตวิญญาณ’ และ ‘เสน่ห์’ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
กล้าคิดใหญ่ ทำถึง! ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้วย ‘ICONSIAM’
ปรัชญา ‘กล้าคิดใหญ่ กล้าทำใหญ่’ คือเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนสยามพิวรรธน์สู่การเป็นผู้นำ การตัดสินใจลงทุนใน ‘ไอคอนสยาม’ ซึ่งเป็นเมกะโปรเจกต์ที่รวมสิ่งที่ดีที่สุดของไทยและของโลกไว้ด้วยกัน คือการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์
การสร้าง ‘แลนด์มาร์ก’ ที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่จดจำเช่นนี้ ได้รับการยืนยันจากงานวิจัยด้านกลยุทธ์ธุรกิจหลายชิ้นว่า สามารถยกระดับการรับรู้แบรนด์ (Brand Perception) และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้อย่างมหาศาลในระยะยาว
ไอคอนสยามจึงเป็นมากกว่าศูนย์การค้า แต่คือ ‘สัญลักษณ์’ แห่งความภาคภูมิใจและความสำเร็จที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของสยามพิวรรธน์บนเวทีโลก
พลังทวีคูณจาก ‘พันธมิตรระดับโลก’
ความสำเร็จของสยามพิวรรธน์ไม่ได้เกิดขึ้นจากพลังขององค์กรเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการสร้าง ‘Ecosystem’ ที่แข็งแกร่งผ่านเครือข่าย ‘พันธมิตร’ ที่หลากหลาย ทั้งแบรนด์ระดับโลก องค์กรภาครัฐและเอกชน
ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด Ecosystem Strategy ที่ Harvard Business Review ชี้ว่า การร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งช่วยให้องค์กรสามารถสร้างนวัตกรรมและมอบคุณค่าที่เหนือกว่าคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การผนึกกำลังนี้เองที่ทำให้สยามพิวรรธน์สามารถจัดกิจกรรมระดับโลก เปิดตัวสินค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ ‘สดใหม่’ และ ‘น่าตื่นเต้น’ ได้อย่างต่อเนื่อง
บทสรุปความสำเร็จของสยามพิวรรธน์ คือการผสมผสานระหว่างวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ความกล้าที่จะแตกต่าง และหัวใจที่มุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ ‘ประสบการณ์ที่มีความหมาย’
การลงทุนในประสบการณ์ลูกค้าเช่นนี้ ได้รับการยืนยันจากการศึกษาด้าน Brand Strategy ว่าเป็นกุญแจสำคัญในการสร้าง ‘ความภักดีของลูกค้า’ (Customer Loyalty) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ประเมินค่าไม่ได้ในระยะยาว
สยามพิวรรธน์จึงไม่ใช่แค่ผู้สร้างตึก แต่เป็น ‘ผู้กำหนดนิยามใหม่’ ให้กับวงการค้าปลีก และเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ร่วมสร้างอนาคตของการใช้ชีวิตในเมืองอย่างแท้จริง
อ้างอิง:
- https://www.mckinsey.com/capabilities/growth-marketing-and-sales/our-insights/the-value-of-getting-personalization-right-or-wrong-is-multiplying
- https://www.qualtrics.com/experience-management/customer/word-of-mouth-marketing/
- https://pps.org/article/what-is-placemaking
- https://hbr.org/2019/01/why-companies-are-creating-business-ecosystems
- https://www.bain.com/insights/customer-loyalty-tools-and-trends/