บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ได้ยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทครั้งที่ 2/2566 อายุ 1 ปี 3 เดือน
หุ้นกู้ดังกล่าวให้อัตราผลตอบแทน 6.50% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยคาดว่าจะเปิดจองได้ระหว่างวันที่ 25-27 เมษายน 2566 นี้
แน่นอนว่าสำหรับผู้ที่จะลงทุนหุ้นกู้นอกจากผลตอบแทนที่จะได้รับแล้ว สิ่งที่จะสร้างความมั่นใจได้คือ บริษัทที่ออกหุ้นกู้ต้องมีธุรกิจที่แข็งแรงและโดดเด่น
ด้วยเหตุนี้เองเราจึงอยากชวนมาทำความรู้จักกับ ‘ไซมิส แอสเสท’ ให้มากขึ้น
สำหรับ ‘ไซมิส แอสเสท’ ได้ก่อตั้งมาแล้ว 13 ปี ซึ่งมีผู้บริหารที่มีความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ด้านการออกแบบสถาปัตยกรรม วิศวกรรม และการก่อสร้าง ในบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่มากว่า 30 ปี
‘Asset of Life สร้างกำไรให้ทุกการใช้ชีวิต’ เป็นสารตั้งต้นในการทำธุรกิจของไซมิส แอสเสท ก่อนที่จะแตกแขนงออกมาเป็นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่มีศักยภาพใจกลางเมืองที่อยู่ในย่านธุรกิจ (CBD) และย่านศูนย์กลางธุรกิจใหม่ (New CBD) ตามเส้นทางระบบสถานีขนส่งมวลชนต่างๆ เช่น รถไฟฟ้า รถใต้ดิน ในเขตกรุงเทพมหานคร
เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัย ที่ต้องการความสะดวกสบาย ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และกลุ่มนักลงทุนทั้งคนไทยและคนต่างชาติที่เล็งเห็นการเติบโตในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย
สิ่งที่น่าสนใจคือ ไซมิส แอสเสท ไม่ได้ทำเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่ยังทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างครบวงจร ซึ่งจะเข้ามาอำนวยความสะดวกด้านบริการที่เพิ่มขึ้นแก่กลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัย เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินทรัพย์ และสร้างรายได้ให้แก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง
โดยเราสามารถแบ่งธุรกิจของ ‘ไซมิส แอสเสท’ ออกเป็น 7 ประเภทดังนี้
- ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อจำหน่าย – ซึ่งปัจจุบันมีโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอน จำนวน 11 โครงการ และมีโครงการอยู่ระหว่างการพัฒนาและก่อสร้าง จำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท และมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2568
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ มีแผนจะเปิดโครงการอสังหาแนวราบใหม่จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ SIAMESE KIN Ramintra, SIAMESE HOLM Phahol – Vibhavadi, SIAMESE BLOSSOM Phahol – Vibhavadi, MONSANE’ Ratchapruek-Chaeng Wattana และอีก 1 โครงการในอนาคต Housing (Phutthamonthon Sai 4) มูลค่ารวมประมาณ 11,225 ล้านบาท นอกจากนี้มีโครงการมิกซ์ยูสจำนวน 1 โครงการ ได้แก่ Wellness & Healthcare @Talingchan Plot A และ Condominium @Talingchan Plot B อีกด้วย
- ธุรกิจโรงแรม – ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 6 แห่ง โดยในอนาคตมีแผนเปิดโรงแรมแห่งใหม่อีก 5 โครงการ รวมแล้วกว่า 1,262 ห้อง
- ธุรกิจพื้นที่พาณิชย์เพื่อการเช่า – ผ่านการพัฒนาพื้นที่พาณิชยกรรมและพื้นที่สำนักงานภายในโครงการเพื่อให้เช่า รวมถึงพื้นที่ให้เช่าเก็บของ (Self-Storage) และธุรกิจให้เช่าพื้นที่ครัวกลาง (Cloud Kitchen) ซึ่งส่วนครัวกลางนั้นมีแผนจะเปิดเพิ่มเติมอีกจำนวนมากเลยทีเดียว
- ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม – ได้แก่ ร้านฟอลคอน ชีเคร็ต บาร์ (รูฟท็อปบาร์), ร้านเคอิ อิซากายะ (ร้านอาหารญี่ปุ่น), ร้านอาหารมอร์นิ่งกลอรี่ (ร้านอาหารเวียดนาม) บนทำเลสุขุมวิท แหล่งไลฟ์สไตล์ของคนกรุงเทพฯ ซึ่งในปีนี้มีแพลนจะเปิดอีก 3 แห่ง
- ธุรกิจ Spa & Wellness – ปัจจุบันมีเปิดไปแล้ว 4 แห่ง และจะเพิ่มเป็น 7 แห่งภายในปี 2569
- ธุรกิจเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย – โดยมี 3 ส่วนคือ บริการสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (Electronic Vehicle Charger), เครื่องกรองอากาศ และแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาที่พักอาศัย (Solar Rooftop)
- ธุรกิจการเงินและการลงทุน – ผ่านการเข้าประมูลพอร์ตสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยพิจารณาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มีหลักประกันเป็นหลัก โดยในช่วงระยะแรกของการประกอบธุรกิจ มีแผนจะลงทุนใน NPL และ NPA ประเภทเพื่อธุรกิจ SMEs และเพื่อที่อยู่อาศัย รวมทั้งรับเป็นที่ปรึกษาในการปรับโครงสร้างหนี้ โดยในปีนี้ตั้งงบลงทุนไว้ 200 ล้านบาท
จากธุรกิจทั้งหมด ไซมิส แอสเสท ตั้งเป้าหมายรายได้โตไม่น้อยกว่า 130% จากปีก่อน โดยแตะที่ระดับ 6 พันล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา โดยคาดการณ์รายได้มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประมาณ 5.5 พันล้านบาท สามารถแบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบประมาณ 2 พันล้านบาท, โครงการ Landmark @MRTA พระราม 9 ประมาณ 2 พันล้านบาท, โครงการที่เป็น Ready to Move ประมาณ 1.5 พันล้านบาท และมาจากรายได้อื่นๆ ประมาณ 500 ล้านบาท
นี่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นใจว่า ‘ไซมิส แอสเสท’ มีธุรกิจที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
สำหรับวัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ ‘ไซมิส แอสเสท’ เตรียมนำเงินไปใช้สำหรับชำระคืนหุ้นกู้รุ่น SASST235A และเพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ โดยเฉพาะโครงการ Landmark @MRTA พระราม 9 ซึ่งเป็นโครงการใหญ่มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท อยู่ระหว่างก่อสร้างคาดว่าแล้วเสร็จภายในปลายปี 2566 เพื่อพร้อมสำหรับการทยอยโอนมูลค่าประมาณ 2 พันล้านบาทภายในปีนี้
ทั้งนี้นักลงทุนที่สนใจลงทุนหุ้นกู้สามารถติดต่อบริษัทหลักทรัพย์ผู้จัดจำหน่าย 9 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด, บริษัท หลักทรัพย์เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ สยามเวลธ์ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน)
“หุ้นกู้ SA ทุกรุ่นที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถจ่ายอัตราดอกเบี้ยได้ครบถ้วนและตรงตามกำหนดทุกรุ่น ขณะเดียวกันเงินที่ได้รับจากการระดมทุนทุกครั้งได้นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ สามารถบริหารสภาพคล่องทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีศักยภาพในการรุกขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยกลยุทธ์การพัฒนาโครงการแนวราบและแนวสูงในสัดส่วน 50-50 พร้อมกับมีแผนการขยายฐานรายได้จากธุรกิจอื่นๆ อย่างชัดเจน เพื่อสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว” ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) กล่าว
ขจรศิษฐ์ ยังได้ทิ้งท้ายว่า ไซมิส แอสเสทมุ่งมั่นสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยมีการวางแผนพัฒนาโครงการใหม่ๆ และธุรกิจอื่นๆ อยู่เสมอ เพื่อให้ไซมิส แอสเสทเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร จากการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว และต่อยอดธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่เด่นชัด ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้สามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่น มั่นคง และยั่งยืนต่อไป
