×

‘ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้’ แกะสูตรลับพัฒนาคนแบบสยามพิวรรธน์ พร้อมรางวัลการันตีความสำเร็จ

โดย THE STANDARD TEAM
28.11.2023
  • LOADING...
สยามพิวรรธน์

HIGHLIGHTS

8 min read
  • 5 ค่านิยมหลักของสยามพิวรรธน์คือ ความเข้าใจ ความเชื่อมั่น มีวิสัยทัศน์ กล้าคิดใหญ่กล้าทำ และมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ
  • DNA ที่สำคัญที่สุดของคนสยามพิวรรธน์คือ Make the Impossible Possible คือการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ และผสานกับการทำงานให้เป็นหนึ่งเดียว
  • ความสามารถในงานเฉพาะด้านไม่เพียงพอ เราต้องสร้างพนักงานให้มี Mixed Skills นี่คือภารกิจของเราที่จะสร้างให้คนมีความสามารถหลายด้าน เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต

สยามพิวรรธน์ ถือเป็นผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกรายใหญ่ของประเทศ เป็นเจ้าของและบริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ อีกทั้งยังเป็นเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต 

 

ความตั้งใจหนึ่งของสยามพิวรรธน์คือ การเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งและยกระดับด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคล (Human Resources: HR) ปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความคล่องตัวและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น รวมถึงการเปิดโอกาสคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพขึ้นเป็นผู้นำ ร่วมขับเคลื่อนองค์กรยุคใหม่ให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง 

 

 

THE STANDARD มีโอกาสได้พูดคุยกับ อัมพร โชติรัชสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายสนับสนุนธุรกิจ และ ณัฐวุฒิ เกียรติไชยากร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานทรัพยากรบุคคล บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด สองผู้บริหารที่มีส่วนในการขับเคลื่อนงานพัฒนาทรัพยากรบุคคลของสยามพิวรรธน์

 

อัมพรเริ่มต้นกล่าวถึงสถานการณ์วิกฤตโควิดที่ผ่านมาว่า “สถานการณ์โควิด สยามพิวรรธน์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราก้าวผ่านวิกฤตมาได้ทุกยุคสมัย เพราะสามารถปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบ”

 

 อัมพร โชติรัชสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด

 

คนรุ่นใหม่-วัฒนธรรม-ความหลากหลาย

 

3 ปีที่ผ่านมา การปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรให้มีความคล่องตัว ยืดหยุ่น มี Mindset และ Skillset ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์องค์กรในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเปิดโอกาสให้บุคลากรที่มีคุณภาพขึ้นมาเป็นผู้นำรุ่นใหม่ ทั้งที่เติบโตจากภายใน และผสมผสานความหลากหลายด้วยบุคลากรภายนอกจากหลากหลายสาขาที่มีความสามารถและมีความเชี่ยวชาญใหม่ๆ เข้ามาร่วมทีม เพื่อตอบโจทย์การทำธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง และสร้างการเติบโตได้สำเร็จ

 

ปัจจุบันมีพนักงานที่เป็นกลุ่มเจน Y และเจน Z จำนวน 67% ของพนักงานทั้งหมดกว่า 2,500 คน และในเวลา 5 ปีที่ผ่านมามีพนักงานเจน Z เพิ่มขึ้นประมาณ 6% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต 

 

“ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างทีมที่มีศักยภาพ และผลักดันผู้บริหารคนรุ่นใหม่ให้ได้มีโอกาสก้าวเข้ามาทำโครงการใหญ่ๆ มากยิ่งขึ้น พนักงานเจนใหม่มีความมั่นใจค่อนข้างสูง ต้องการเห็นความสำเร็จค่อนข้างเร็ว” อัมพรระบุ

 

ณัฐวุฒิ เกียรติไชยากร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานทรัพยากรบุคคล บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด

 

ณัฐวุฒิกล่าวเสริมว่า เราดูแลพนักงานทุกระดับอย่างเท่าเทียมกันตั้งแต่วันที่เดินเข้ามาในสยามพิวรรธน์ แต่หัวใจสำคัญที่สุดของเราคือ วัฒนธรรมที่เข้าใจและรองรับความแตกต่างของแต่ละคน 

 

“ด้วยลักษณะธุรกิจศูนย์การค้าที่เปิดกว้างเปิดรับทุกคนเข้ามาใช้ชีวิต เข้ามารับประสบการณ์ในศูนย์การค้า ทำให้คนที่ทำงานในบริษัทเหล่านี้ค่อนข้างที่จะเปิดกว้างและหลากหลายโดยธรรมชาติ”

 

เปิดโอกาสที่กว้างขวางให้คนรุ่นใหม่

 

“น้องๆ ที่เข้ามาทำงานที่สยามพิวรรธน์ ถ้าอายุน้อยไม่ใช่ว่าคุณจะทำงานกับผู้บริหารระดับสูงไม่ได้ เข้ามาแล้วเรามีโครงการใหม่เยอะมาก พร้อมเปิดโอกาสให้น้องๆ รุ่นใหม่แสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ ไอเดียเหล่านั้นจะถูกนำมาเสริมต่อกับสิ่งที่เรามี” อัมพรกล่าวถึงการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงผู้บริหารสูงอย่างใกล้ชิด และเปิดโอกาสให้แสดงความเห็นได้อย่างกว้างขวาง

 

อัมพรกล่าวว่า หากเราลองจินตนาการการทำงานในบริษัทอื่นๆ ที่มีขนาดเดียวกัน อาจจะเข้ามาพูดคุย ประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงได้ยาก เพราะมีลำดับขั้น แต่ที่นี่พร้อมเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถเข้ามาร่วมกับโครงการต่างๆ ของบริษัทได้อย่างเต็มที่

 

 

ณัฐวุฒิยังได้กล่าวถึง Project Scrum คือการเอาโจทย์ธุรกิจเป็นตัวตั้ง แล้วเอาพนักงานจากหลากหลายหน่วยงานมาช่วยกันทำ มาช่วยกันคิด และคาดหวังผลลัพธ์ที่แตกต่างจากเดิม

 

สรุปการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามามีบทบาทและมีส่วนร่วมในการพัฒนาบริษัท

 

  • เข้าร่วม Project Scrum ทำงานร่วมกับคนหลากหลาย
  • เปิดกว้างในการแสดงความคิดเห็น
  • ให้ Empower หรืออำนาจในการตัดสินใจในโครงการที่ได้รับมอบหมาย
  • ทำงานเป็นหนึ่งเดียวและมีความกล้า

 

“ค่านิยมหลักของสยามพิวรรธน์คือ ความเข้าใจ ความเชื่อมั่น มีวิสัยทัศน์ กล้าคิดและมีความกล้าที่จะทำ มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ” ณัฐวุฒิกล่าวถึงค่านิยมหลักขององค์กร และ DNA ที่สำคัญที่สุดของคนสยามพิวรรธน์คือ Make the Impossible Possible คือการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ และผสานกับการทำงานให้เป็นหนึ่งเดียว

 

 

รางวัลการันตีการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของสยามพิวรรธน์

 

ความสำเร็จจากการปรับทัพองค์กรในช่วงที่ผ่านมา การันตีด้วยรางวัลมากมายจากสถาบันด้านการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลจากหลายเวทีทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น 

 

ปี 2566 ได้รับรางวัล HR Asia Best Companies To Work For In Asia 2023 ซึ่งเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่สยามพิวรรธน์ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในเอเชียจาก HR Asia และยังได้รับรางวัล Diversity, Equity, and Inclusion จากสถาบันเดียวกัน สะท้อนถึงองค์กรที่โดดเด่นในด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม 

 

รางวัลชนะเลิศระดับโกลด์ในสาขา Excellence in HR Communication Strategy และ Excellence in CSR Strategy จาก HR Excellence Awards 2023 และรางวัลความเป็นเลิศทางธุรกิจระดับสากลจาก Enterprise Asia Linchpin of Asia Awards 2023 

 

ปี 2565 บริษัทยังได้รับรางวัลที่แสดงถึงความเป็นเลิศในด้านการบริหารจัดการวิกฤต คือรางวัล Excellence in Crisis Management and Recovery และรางวัลระดับบรอนซ์สาขา Excellence in Women Empowerment Strategy จากงาน HR Excellence Awards 2022 

 

 

4 กลยุทธ์สูตรพัฒนาคนแบบสยามพิวรรธน์

 

“ความสามารถในงานเฉพาะด้านไม่เพียงพอ เราต้องสร้างพนักงานให้มี Mixed Skills นี่คือภารกิจของเราที่จะสร้างให้คนมีความสามารถหลายด้าน เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต” ณัฐวุฒิระบุ

 

สยามพิวรรธน์ได้สร้างวัฒนธรรมองค์กรสำหรับการทำงานในโลกยุคใหม่ โดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานในทุกเจเนอเรชันให้ได้พัฒนาศักยภาพอย่างไร้ขีดจำกัด เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมต่อการขยายตัวธุรกิจขององค์กรในอนาคต โดยมีกลยุทธ์ 4 ด้าน ดังนี้  

 

1. Future Workforce 

เตรียมความพร้อมตั้งแต่การรับสมัครพนักงาน หรือ Talent เข้ามาร่วมงาน โดยคัดสรรจากแคนดิเดตที่มีโปรไฟล์ที่แตกต่าง หลากหลาย และมีความชำนาญในเรื่องใหม่ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจรีเทลที่เปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นดิจิทัล เช่น บริษัทได้พัฒนาและเปิดตัว ONESIAM SuperApp เรือธงในการทำธุรกิจแบบ Omni Channel ทำให้มีกลุ่มพนักงานสายดิจิทัลและดาต้า (Data) เข้ามาเพิ่ม มาผสมผสานและทำงานร่วมกับกลุ่มพนักงานรีเทลมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันกลุ่มนี้คิดเป็น 10% ของพนักงานทั้งหมด 

 

2. Future Workplace 

ปรับเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานให้เหมาะกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของพนักงานในยุคปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วมของพนักงาน ด้วยการสร้างพื้นที่ทำงานร่วมกัน (Co-Working Space) ในมุมต่างๆ ของสำนักงาน ใช้การออกแบบที่เน้นความทันสมัย เปิดโล่ง เน้นความโปร่งใส สะท้อนการผสานการทำงานและการใช้ชีวิตร่วมกัน 

 

พร้อมทั้งมีการดูแลพนักงานทั้งทางด้าน Physical และ Mental Well-being อย่างดีครบทุกด้าน นอกจากนี้ ในการบริการของ HR ยังนำเทคโนโลยีแชตบอต ‘น้องอัญชัน’ เข้ามาตอบข้อสงสัย ให้ความช่วยเหลือ และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับพนักงาน และลดระยะเวลาในการค้นหาข้อมูลที่จำเป็นต่างๆ 

 

 

3. Future Skills 

เตรียมพร้อมพนักงานให้มีทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในปัจจุบันที่นอกเหนือจาก Functional Skills โดยสนับสนุนให้พนักงานพัฒนาทั้ง Digital Skills และ Human Skills ให้มีการเทรนนิ่งคอร์สใหม่ๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เช่น จัดการอบรมเรื่อง ChatGPT ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานทั้งองค์กร 

 

โดยล่าสุดได้เซ็น MOU กับ LinkedIn Learning แพลตฟอร์มการเรียนรู้ระดับโลก ซึ่งพนักงานสามารถเลือกเรียนรู้คอร์สออนไลน์ และพร้อม Upskill-Reskill ด้วยตนเองได้ทุกที่ทุกเวลา ได้มากกว่า 21,000 คอร์ส

 

4. Future Culture 

ส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานแบบ Work as One พร้อมสร้างมายด์เซ็ตให้พนักงานในเรื่องทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ (Make the Impossible Possible) เพื่อให้กล้าคิด กล้าทำ และพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างไร้ขีดจำกัด 

 

ผ่านการสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจระหว่างพนักงานในองค์กร ด้วยการเปิดรับฟังเสียงของพนักงานผ่านแคมเปญ We Care We Dare ที่ส่งเสริมให้ผู้บริหารระดับสูง Engage กับพนักงานมากยิ่งขึ้น และเปิดเวทีให้พนักงานได้รับ Empowerment ในการทำงานด้วยศักยภาพที่มีอยู่อย่างสูงสุด

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising