บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธุรกิจค้าส่งในเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP ได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2563 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเมื่อรวมบริษัทย่อยมียอดขายรวม 55,159 ล้านบาท เติบโต 8.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลจากการเปิดสาขาใหม่ทั้งในและต่างประเทศรวม 6 สาขาในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ตลอดจนการพัฒนารูปแบบสาขาและผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบเชิงลบต่อยอดขายในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ จากยอดขายที่ชะลอตัวลงในกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการที่มีความเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี ความวิตกกังวลของผู้บริโภคต่อมาตรการควบคุมของรัฐบาล และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ซื้อสินค้าล่วงหน้า (Panic Buying) โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอาหารแห้งในช่วงเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งส่งผลในเชิงบวกต่อยอดขายของธุรกิจแม็คโครในประเทศไทยและต่างประเทศ
ในขณะที่กลุ่มธุรกิจฟู้ด เซอร์วิสได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรงจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลในวงกว้างต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก สายการบิน โรงแรม และร้านอาหารจำนวนมากทั้งในและต่างประเทศ ต้องปิดดำเนินการชั่วคราว ส่งผลให้ยอดขายของกลุ่มธุรกิจฟู้ด เซอร์วิสซึ่งเน้นจำหน่ายสินค้าเพื่อกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการด้านธุรกิจโรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหาร และผู้ให้บริการจัดเลี้ยง (กลุ่มโฮเรกา) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้เมื่อรวมกับรายได้ค่าบริการและรายได้อื่น รวมจำนวน 1,149 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 56,308 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,509 ล้านบาท หรือ 8.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สรุปแล้วมีกำไรสุทธิ 1,681 ล้านบาท เติบโต 10.7%
ณ สิ้นไตรมาส 1 แม็คโครมีสาขารวมกันทั้งสิ้น 141 สาขา แบ่งเป็นสาขาในไทย 134 สาขา และอีก 7 สาขาในต่างประเทศ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า