วานนี้ (4 กรกฎาคม) เกิดเหตุคนร้ายบุกกราดยิงขบวนพาเหรดฉลองวันชาติสหรัฐฯ ที่ไฮแลนด์พาร์ค เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก
เหตุการณ์น่าเศร้าสลดนี้เกิดขึ้นในเวลาประมาณ 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ผู้คนออกมาร่วมเดินขบวนพาเหรดฉลองวันชาติกันในย่านเซ็นทรัล อเวนิว โดยผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เริ่มแรกนั้นบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสนุกสนาน แต่หลังจากนั้นในช่วงเวลาประมาณ 10.20 น. เขาก็ได้ยิงเสียงปืนดังขึ้นราว 20-30 นัด ก่อนที่จะมีคนตะโกนว่า “มีคนยิง!” และ “วิ่ง!” ส่งผลให้ประชาชนวิ่งหนีตายกันอย่างอลหม่าน รวมถึงมีผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือดในจุดเกิดเหตุด้วย
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งเข้ามาควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดย คริสโตเฟอร์ โคเวลลี (Christopher Covelli) เจ้าหน้าที่จากหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจด้านอาชญากรรมแห่งเลค เคาน์ตี เปิดเผยว่า พบหลักฐานเป็นอาวุธปืนตกอยู่บนดาดฟ้าของอาคารธุรกิจแห่งหนึ่งใกล้กับสถานที่เกิดเหตุ คาดว่ามือปืนได้แอบปีนขึ้นไปโดยใช้บันไดที่ติดอยู่กับตัวอาคารซึ่งซ่อนอยู่ในตรอก ก่อนที่จะใช้ปืนไรเฟิลชนิดความเร็วสูงกราดยิงจากดาดฟ้าไปที่ผู้คนในขบวนพาเหรด
รายงานระบุว่า เหยื่อ 5 รายเสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุ ส่วนอีก 1 รายเสียชีวิตหลังนำตัวส่งโรงพยาบาล ส่วนผู้บาดเจ็บทั้ง 26 คน ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 8-85 ปี ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว
โซอี พาเวลชัก (Zoe Pawelczak) หนึ่งในผู้ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เปิดเผยว่า เธอมาร่วมเดินขบวนพาเหรดกับพ่อ ซึ่งในช่วงแรกที่เสียงปืนดังขึ้น เธอยังคิดว่าเป็นแค่การจุดพลุเฉลิมฉลองซึ่งเป็นเรื่องปกติของวันชาติสหรัฐฯ
“แต่สักพักหนึ่ง ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ฉันรีบคว้ามือพ่อแล้ววิ่งหนี สักพักหนึ่งทุกคนที่อยู่ข้างหลังเราก็เริ่มวิ่งหนีตายกันหมด” เธอกล่าว “ฉันหันหลังกลับไปมอง ห่างจากฉันไปประมาณ 20 ฟุต มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกยิงเสียชีวิต”
ภายหลังเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัว โรเบิร์ต ยูจีน คริโมที่ 3 (Robert Eugene Crimo III) วัย 22 ปี ได้ในช่วงเย็นวานนี้ โดยสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) ระบุว่า เขาอาจเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุกราดยิง (Person of Interest) แต่ยังไม่ได้กำหนดให้เป็นผู้ต้องสงสัย (Suspect) ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนผ่านหลักฐานที่รวบรวมได้ทั้งหมด รวมถึงไฟล์ภาพและวิดีโอที่ประชาชนรวบรวมส่งมาให้ โดยขณะนี้ยังไม่มีการอนุมัติตั้งข้อหา
ข้อมูลจาก Gun Violence Archive ระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นเหตุกราดยิงครั้งที่ 308 ของสหรัฐฯ ในปีนี้ ซึ่งน่าเศร้าว่าแค่ในช่วง 4 วันแรกของเดือนกรกฎาคม ก็เกิดเหตุกราดยิงขึ้นในสหรัฐฯ แล้วถึง 11 ครั้ง ส่วนในวันชาติสหรัฐฯ ซึ่งตรงกับวันที่ 4 กรกฎาคม มีเหตุกราดยิงมากถึง 3 ครั้งในวันเดียว สะท้อนให้เห็นว่าการใช้ความรุนแรงจากอาวุธปืนเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกมาอย่างยาวนานในดินแดนแห่งนี้
แฟ้มภาพ: Jim Vondruska / Getty Images
อ้างอิง:
