*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของแอนิเมะ My Hero Academia Season 5*
“อัตลักษณ์ของชินโซคือการล้างสมองเหรอ”
“แบบนี้ก็ทำเรื่องเลวๆ ได้สบายๆ เลยสิ”
ชินโซ ฮิโตชิ เด็กหนุ่มผู้เกิดมาพร้อมกับอัตลักษณ์ (ชื่อพลังพิเศษใน My Hero Academia) ‘ล้างสมอง’ ที่สามารถควบคุมจิตใจของผู้คนได้ชั่วขณะหนึ่ง ด้วยความสามารถที่เอื้ออำนวยให้เขาทำเรื่องเลวร้ายได้อย่างสบายๆ จึงไม่แปลกนักที่เพื่อนในห้องและคนรอบข้างจะมองว่าชินโซอาจจะกลายเป็นวิลเลิน (ชื่อเรียกกลุ่มตัวร้ายใน My Hero Academia) ได้ในสักวัน เสมือนว่าโชคชะตาต้องการให้เขากลายเป็น ‘ตัวร้าย’
แต่ใครจะคิดล่ะว่า ภายใต้รอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์เพทุบายนั้น ชินโซกลับเป็นเด็กหนุ่มที่มีความหลงใหลและใฝ่ฝันที่อยากจะเป็น ‘ฮีโร่’ เพื่อช่วยเหลือผู้คนไม่ต่างจากเด็กคนอื่นๆ
เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าตัวเองก็เป็นฮีโร่ได้ ชินโซจึงเลือกสอบเข้าโรงเรียนยูเอ แผนกฮีโร่ สถานที่ที่ปลูกปั้นเหล่าโปรฮีโร่ฝีมือเยี่ยมมาแล้วมากมาย แต่ด้วยอัตลักษณ์ล้างสมองที่ไม่เหมาะกับการต่อสู้และพละกำลังที่สู้คนอื่นไม่ได้ ชินโซจึงไม่สามารถสอบเข้าแผนกฮีโร่ได้อย่างที่ตัวเองตั้งใจ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความพยายามในครั้งนี้จะ ‘ล้มเหลว’ แต่ชินโซก็ตัดสินใจย้ายไปสอบเข้าในแผนกสามัญของโรงเรียนยูเอแทน เพื่อเฝ้ารอโอกาสในการย้ายไปเข้าเรียนในแผนกฮีโร่อีกครั้ง
จนในที่สุดโอกาสก็มาถึง เมื่อโรงเรียนยูเอได้จัดเทศกาลกีฬาโรงเรียนที่เปิดโอกาสให้นักเรียนจากทุกแผนกเข้าร่วมการแข่งขัน เพื่อแสดงทักษะความสามารถให้เหล่าโปรฮีโร่จากทั่วประเทศได้ชม และยังเปิดโอกาสให้นักเรียนจากแผนกอื่นๆ ที่ทำผลงานได้โดดเด่น จะได้รับพิจารณาให้ย้ายมาเข้าเรียนในแผนกฮีโร่อีกด้วย
แม้ว่าการแข่งขันในครั้งนี้จะเต็มไปด้วยนักเรียนปี 1 แผนกฮีโร่ โดยเฉพาะสมาชิกจากห้องเอที่เคยเผชิญหน้ากับเหล่าวิลเลินมาแล้ว แต่ชินโซก็สามารถคิดค้นกลอุบายต่างๆ พร้อมกับใช้อัตลักษณ์ล้างสมองของตัวเอง จนสามารถก้าวเข้าสู่รอบสุดท้ายของการแข่งขันได้สำเร็จ และยังเป็นนักเรียนปี 1 จากแผนกสามัญเพียงคนเดียวที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาได้อีกด้วย
และเป็นอีกครั้งที่ชินโซต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบครั้งใหญ่ เมื่อคู่ต่อสู้ของเขาคือ มิโดริยะ อิซึคุ นักเรียนจากแผนกฮีโร่ และเป็นศิษย์รักของฮีโร่อันดับหนึ่งอย่าง ออลไมต์ แต่เพื่อคว้าชัยชนะ ชินโซจึงพยายามใช้คำพูดหลอกล่อให้มิโดริยะขานรับเพื่อล้างสมองเขา
“เพราะฉันมีอัตลักษณ์แบบนี้เลยออกตัวช้ากว่าคนอื่น แต่คนที่โชคดีอย่างนายคงไม่เข้าใจหรอกมั้ง”
แม้ว่าจะไม่ได้ขานรับออกไป แต่มิโดริยะเข้าใจความรู้สึกของชินโซเป็นอย่างดี เพราะเขาคือหนึ่งในคนส่วนน้อยที่ ‘ไร้อัตลักษณ์’ มาตั้งแต่เกิด แต่ด้วยความโชคดีที่ได้พบกับออลไมต์ เขาจึงได้รับสืบทอดพลังของวันฟอร์ออลและได้เข้าเรียนในแผนกฮีโร่ ดังนั้นสิ่งที่มิโดริยะพอจะตอบรับความรู้สึกของชินโซได้ในตอนนี้คือพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเอาชนะชินโซในฐานะฮีโร่คนหนึ่ง และแน่นอนว่าผลลัพธ์ในครั้งนี้ มิโดริยะเป็นฝ่ายชนะ
นับเป็นอีกครั้งที่ชินโซต้องเผชิญหน้ากับ ‘ความล้มเหลว’ แต่ในระหว่างที่เขากำลังเดินคอตกออกจากเวที เพื่อนร่วมชั้นที่กำลังยืนดูการแข่งขันต่างก็ตะโกนชื่นชมเขาอย่างไม่ขาดสาย อีกทั้งเหล่าโปรฮีโร่ก็กล่าวคำชื่นชมว่าอัตลักษณ์ของเขาคือกำลังสำคัญในการปราบเหล่าวิลเลิน จนรู้สึกเสียดายที่เขาไม่ได้เข้าเรียนในแผนกฮีโร่
จากคนที่ถูกตีตราว่าอัตลักษณ์ล้างสมองของตัวเองเหมาะจะเป็นวิลเลินมาตลอด ตอนนี้ชินโซได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า ความฝันที่อยากจะเป็นฮีโร่ของเขาไม่ใช่ความฝันลมๆ แล้งๆ ของเด็กเมื่อวานซื่น และความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ไม่ใช่จุดจบ แต่มันคือก้าวแรกของการเป็นฮีโร่ที่แท้จริงของเขาต่างหาก
“ถึงคราวนี้ฉันจะแพ้ แต่ฉันยังไม่ยอมแพ้หรอกนะ ฉันจะเข้าเรียนในแผนกฮีโร่และคว้าใบอนุญาตมา และฉันจะกลายเป็นฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่กว่าพวกนายให้ได้”
และบทพิสูจน์แรกของเขาก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อ ไอซาวะ ครูประจำชั้นปี 1 ห้องเอได้ตัดสินใจดึงตัวชินโซมาเป็นลูกศิษย์ เพื่อฝึกฝนให้เขาแข็งแกร่งขึ้น ก่อนจะให้เขาเข้ารับการทดสอบเพื่อพิจารณาย้ายมาเข้าเรียนในแผนกฮีโร่ ด้วยการเข้าร่วมการทดสอบของนักเรียนปี 1 ห้องเอและห้องบีที่ต้องแบ่งทีมต่อสู้กันระหว่างสองห้อง
ซึ่งดูเหมือนว่าการทดสอบรอบแรกที่ชินโซได้อยู่กับทีมห้องเอ จะเปิดโอกาสให้เขาแสดงผลลัพธ์ของการฝึกฝนอย่างหนักให้ทุกคนได้เห็นจนสามารถเอาชนะทีมห้องบีมาได้สำเร็จ
และในรอบที่ชินโซต้องย้ายมาอยู่ทีมห้องบี เขาก็ได้มาเผชิญหน้ากับมิโดริยะอีกครั้ง แต่ในระหว่างการแข่งขัน จู่ๆ พลังของมิโดริยะก็เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุและทำร้ายทุกคนที่อยู่รอบข้าง อุราระกะที่กำลังพยายามหยุดมิโดริยะจึงตะโกนขอให้ชินโซช่วยล้างสมองมิโดริยะเพื่อหยุดพลังคลุ้มคลั่ง
“ฉันอยากให้นายได้เห็นว่าฉันแกร่งขึ้นขนาดไหนแล้ว ฉันอยากเป็นฮีโร่ตัวจริงที่ใช้อัตลักษณ์เพื่อช่วยชีวิตคน”
“มิโดริยะ! มาสู้กับฉันเถอะ!”
เมื่อสิ้นเสียงตะโกนที่กลั่นมาจากจิตใจ มิโดริยะก็ได้ขานรับคำชวนของชินโซจนถูกล้างสมองไปชั่วขณะและสามารถหยุดยั้งพลังคลุ้มคลั่งได้สำเร็จ
แม้ว่าในท้ายที่สุดผลการต่อสู้ชินโซจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่ ‘ความล้มเหลว’ เสียทีเดียว เพราะนี่คือครั้งแรกที่ชินโซใช้อัตลักษณ์ล้างสมองช่วยชีวิตผู้อื่นอย่างที่ใจต้องการได้สำเร็จ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของเขาที่พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เขาสามารถเป็นฮีโร่ที่ช่วยเหลือผู้คนได้เช่นกัน
เมื่อการทดสอบทั้งหมดจบลง อาจารย์ไอซาวะก็อนุญาตให้ชินโซย้ายเข้ามาเรียนในแผนกฮีโร่ในที่สุด
“ฮีโร่เนี่ย สุดยอดไปเลย”
ถ้าเรามาลองวิเคราะห์ความสามารถของชินโซ ทั้งความฉลาดหลักแหลมในการคิดค้นกลอุบายต่างๆ จนสามารถพาตัวเองไปสู่รอบสุดท้ายของเทศกาลกีฬาโรงเรียน การฝ่าฟันบทเรียนสุดหฤโหดของอาจารย์ไอซาวะจนสามารถใช้ผ้าพันแผลแบบเดียวกับไอซาวะได้สำเร็จ และการนำอัตลักษณ์ของตัวเองมาประยุกต์ใช้ในการต่อสู้จนทำให้นักเรียนแผนกฮีโร่ที่มีประสบการณ์มากกว่าต้องระวังตัวเป็นพิเศษ
ด้วยความสามารถเหล่านี้ หากชินโซเลือกที่จะก้าวเข้าสู่เส้นทางของวิลเลินอย่างที่เพื่อนสมัยเด็กของเขาพร่ำบอก ตัวเขาในตอนนี้คงจะกลายเป็นหนึ่งในวิลเลินที่สามารถก่อเรื่อง ‘เลวร้าย’ ที่ไม่มีใครคาดคิดได้อย่างไม่ยากเย็น
แต่ไม่ว่าใครจะพูดถึงอัตลักษณ์ของตัวเองอย่างไร หรือต้องเผชิญหน้ากับ ‘ความล้มเหลว’ ในการเป็นฮีโร่กี่ครั้ง ชินโซก็ยังคง ‘เชื่อมั่น’ ว่าตัวเองก็สามารถเป็นฮีโร่ที่ช่วยเหลือรอยยิ้มของคนอื่นได้ และพยายาม ‘ลงมือทำ’ อย่างสุดความสามารถเพื่อพิสูจน์ความเชื่อมั่นของตัวเอง จนทำให้อาจารย์ไอซาวะมองเห็นถึงความมุ่งมั่นและชักชวนเขามาเป็นลูกศิษย์
และหากเราลองมองเรื่องราวของชินโซให้ลึกลงไปอีกสักหน่อย เราจะพบว่าชินโซคืออีกหนึ่งตัวละครจากโลกมังงะที่กำลังบอกกับเราว่า หากโชคชะตาอยากให้เราเป็นตัวร้าย ก็จงขีดเขียนเส้นทางของฮีโร่ขึ้นมาด้วยตัวเองเถอะ
แน่นอนว่ามันคงจะเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก ต้องพบเจอกับคำดูถูกเหยียดหยาม ต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่ถ้าเรายังคง ‘เชื่อมั่น’ ว่าตัวเองสามารถเป็นในสิ่งที่เราอยากจะเป็นได้ และ ‘ลงมือทำ’ ต่อไปเรื่อยๆ เราเชื่อมั่นว่าในสักวันหนึ่งข้างหน้าจะต้องมีใครสักคนที่ ‘มองเห็น’ และ ‘ยอมรับ’ ในความสามารถของเราปรากฏตัวขึ้นและมอบโอกาสอันล้ำค่าให้แก่เราอย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับเรื่องราวของชินโซ เด็กหนุ่มที่โชคชะตาอยากให้เป็นตัวร้าย เขาจึงขีดเขียนเส้นทางของฮีโร่ขึ้นมาด้วยตัวเอง
ภาพประกอบ