วันนี้ (1 กรกฎาคม) พล.ท. ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงสถานการณ์ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ผ่านมาแล้วกว่า 19 ปี เกิดจากการกระทำของผู้ก่อเหตุรุนแรงในรูปแบบต่างๆ ส่งผลกระทบต่อชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมอย่างกว้างขวาง รัฐบาลจึงส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้าระงับยับยั้งและคลี่คลายสถานการณ์เพื่อสร้างความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และสร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ทั้งนี้ ในช่วงแรกของสถานการณ์ตั้งแต่ปี 2547-2553 มุ่งเน้นใช้กำลังทหารเป็นกำลังหลัก รวมทั้งได้เพิ่มเติมกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 1-3 เข้าควบคุมสถานการณ์และยุติสภาพปัญหา
พล.ท. ศานติกล่าวว่า ได้จัดชุดพัฒนาสันติเข้าปฏิบัติงานในหมู่บ้านที่ตรวจพบการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง 217 หมู่บ้าน มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้าใจ ปรับทุกข์ผูกมิตรและช่วยเหลือประชาชนในรูปแบบต่างๆ จนสามารถสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งผลให้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง และมีแนวโน้มพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นโดยลำดับ
จนกระทั่งเข้าสู่ระยะที่ 2 ของการแก้ปัญหาตั้งแต่ปี 2554 ถึงปัจจุบัน โดยมุ่งเน้นเสริมสร้างประสิทธิภาพให้กำลังฝ่ายพลเรือนและกำลังตำรวจ ด้วยการเพิ่มอัตรากำลังตำรวจ 1,700 นาย จัดตั้งเป็นหมวดปฏิบัติการพิเศษ ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในเขตพื้นที่เมืองทั้ง 37 อำเภอ และการเพิ่มอัตรากำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนกว่า 7,000 นาย จัดตั้งเป็นชุดคุ้มครองตำบล 164 ชุด ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในหมู่บ้าน/ชุมชน โดยปฏิบัติงานร่วมกับกำลังภาคประชาชน
พล.ท. ศานติกล่าวอีกว่า ภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครประจำพื้นที่เพื่อช่วยดูแลพื้นที่แทนกำลังทหารที่ทยอยถอนกำลังกลับที่ตั้งปกติ โดยเฉพาะทหารจากกองทัพภาคที่ 1-3 ได้ถอนกำลังกลับทั้งหมดตั้งแต่ปี 2559-2560 รวมทั้งได้ทยอยปรับลดอัตรากำลังจากหน่วยต่างๆ ในโครงสร้างของ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในทุกๆ ปี ส่งผลให้ปรับลดอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ลงได้แล้วกว่า 20,000 นาย คงเหลืออัตรากำลังทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ในปัจจุบัน 49,995 อัตรา
นอกจากนี้ยังได้เตรียมแผนการปรับลดอัตรากำลังให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็นความมั่นคง และแผนปฏิบัติการด้านการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ระยะที่ 2 ตั้งแต่ปี 2566-2570 ด้วยการทยอยปรับลดกำลังทหารพรานจากกองทัพภาคที่ 1-3 กลับที่ตั้งปกติทั้งหมดควบคู่ไปกับการปรับลดพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้หมดสิ้นไปภายในปี 2570
สำหรับกำลังของกองทัพภาคที่ 4 และกำลังในส่วนอื่นๆ ก็จะทยอยปรับลดหรือปรับเปลี่ยนภารกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในพื้นที่ตามห้วงระยะเวลา ทั้งนี้ หากสถานการณ์พัฒนาเข้าสู่สภาวะปกติ เกิดความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สามารถส่งผ่านการแก้ปัญหาไปสู่ระยะสุดท้าย การเสริมสร้างสันติสุข และการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ ความจำเป็นในการใช้กำลังทหารก็จะค่อยๆ หมดสิ้นไปในที่สุด