×

วัตถุทางเพศและกลุ่มคนชายขอบ แนวคิดสะท้อนปมสังหาร 6 หญิงเอเชียในเหตุกราดยิงสปาแอตแลนตา

โดย THE STANDARD TEAM
18.03.2021
  • LOADING...
วัตถุทางเพศและกลุ่มคนชายขอบ แนวคิดสะท้อนปมสังหาร 6 หญิงเอเชียในเหตุกราดยิงสปาแอตแลนตา

จากเหตุการณ์ชายผิวขาวพกอาวุธปืนบุกยิงที่สปารวม 3 แห่งในเมืองแอตแลนตาและพื้นที่ใกล้เคียงในรัฐจอร์เจียของสหรัฐฯ เมื่อวัน 16 มีนาคมที่ผ่านมา จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย และในจำนวนนี้ 6 คนเป็นหญิงเอเชียนั้น เจ้าหน้าที่สืบสวนยังไม่สรุปสาเหตุการสังหารว่าเกิดจากแรงจูงใจเรื่องการแบ่งแยกเชื้อชาติหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องสงสัยที่เวลานี้ถูกตำรวจควบคุมตัวอ้างว่าตนเองนั้น ‘เสพติดเซ็กซ์’

 

แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เหตุบังเอิญที่เหยื่อ 6 รายเป็นหญิงเอเชีย ซึ่งคำกล่าวอ้างของผู้ก่อเหตุนั้นมีรากเหง้ามาจากประวัติการเกลียดชังเพศหญิง (Misogyny) และการเหมารวม (Stereotypes) ว่าหญิงเอเชียและหญิงอเมริกันเชื้อสายเอเชียนั้นมีความคล้ายคลึงกัน

 

ขณะที่หญิงเอเชียในสหรัฐฯ นั้นถูกมองเป็นเพียงเครื่องรางทางเพศ หรือวัตถุทางเพศที่ต้องเชื่อฟังและทำตามคำสั่งอย่างว่านอนสอนง่าย

 

ประเด็นน่าสนใจคือหญิงกลุ่มนี้จำนวนไม่น้อยทำงานในภาคบริการ ซึ่งแนวคิดอคติที่มีต่อเชื้อชาติและเพศทำให้หญิงเอเชียและอเมริกันเชื้อสายเอเชียมักจะมีความเสี่ยงตกเป็นเป้าของการก่อความรุนแรง เช่น เหตุกราดยิงที่เกิดขึ้น

 

แนวคิดที่ฝังรากลึกในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ


มุมมองที่มีต่อหญิงเอเชียและเอเชีย-อเมริกันว่าเป็นวัตถุทางเพศที่ต้องเชื่อฟังและเป็นคนชายขอบที่ ‘แปลกแยก’ นั้นมีมายาวนานย้อนไปหลายศตวรรษ

 

ราเชล กัว นักวิชาการด้านชาติพันธุ์และผู้นำร่วมของกลุ่มสตรีนิยมชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย ชี้ว่ามาตรการทางกฎหมายและการเมืองในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่หล่อหลอมแนวคิดอันตรายเหล่านี้

 

ซึ่งหนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือกฎหมาย Page Act of 1875 ที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ห้ามหญิงจีนอพยพเข้าประเทศ โดยใช้ข้ออ้างว่าหญิงจีนนั้นเป็นโสเภณี ขณะที่ลัทธิจักรวรรดินิยมของสหรัฐฯ ก็มีบทบาทที่สำคัญต่อทัศนคติเหล่านี้

 

เช่นเดียวกับทหารอเมริกันที่ออกรบในต่างแดน ทั้งในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามเวียดนาม และสงครามฟิลิปปินส์-สหรัฐฯ ที่มีประวัติสนับสนุนการค้าประเวณี ก็ยิ่งทำให้เกิดภาพจำต่อการเหมารวมหญิงเอเชียในฐานะวัตถุทางเพศ

 

“ความเข้าใจทั้งหมดเหล่านั้นส่งผลให้มีการแก้ตัวและอดทนต่อการก่อความรุนแรงด้วยการเพิกเฉย ทำให้เป็นเรื่องเล็กน้อย หรือทำให้เป็นเรื่องปกติ” กัวกล่าว

 

ผลกระทบลามปากท้องหญิงเอเชีย

 

การเหมารวมดังกล่าวยังนำไปสู่แนวคิดที่มองหญิงเอเชียว่าเป็นแรงงานราคาถูกและกำจัดทิ้งได้ ซึ่งทำให้พวกเธอตกอยู่ในความเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจเช่นกัน

 

โดยในช่วงวิกฤตแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลายธุรกิจของชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียต่างได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะเกลียดกลัวชาวจีน

 

ซึ่งข้อมูลจากศูนย์กฎหมายสตรีแห่งชาติในสหรัฐฯ พบว่าหญิงชาวเอเชียนั้นกลายเป็นแรงงานที่ไร้การจ้างงานระยะยาวกลุ่มใหญ่ที่สุดในช่วงเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา

 

ขณะที่มีหญิงเอเชียและเอเชีย-อเมริกันจำนวนมากที่ทำงานในธุรกิจบริการ เช่น ร้านเสริมสวย ร้านอาหาร ร้านนวด ซึ่งงานในสปาของหญิงชาวเอเชียที่ตกเป็นเหยื่อทั้ง 6 คนนั้นนอกจากจะมีรายได้น้อยแล้วยังมีความเสี่ยงสูง ท่ามกลางภาวะโควิด-19 ระบาดที่ส่งเสริมให้เกิดแนวคิดและผลกระทบร้ายแรงอื่นๆ ทั้งการเกลียดชังเพศหญิง การใช้ความรุนแรง และแนวคิดชาตินิยมผิวขาว

 

การก่อความรุนแรงต่อชาวเอเชียที่พบเห็นมากขึ้น


กรณีการก่อความรุนแรงและความเกลียดชังชาวเอเชียและชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียนั้นเพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่เริ่มเกิดการระบาดของโควิด-19 ซึ่งสะท้อนรูปแบบที่ชาวเอเชีย-อเมริกันมักจะตกเป็นเป้าในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤต เพียงเพราะถูกมองว่าเป็นชาวต่างชาติ

 

องค์กรยุติความเกลียดชังต่อชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียและหมู่เกาะแปซิฟิก (Stop AAPI Hate) เปิดเผยรายงานว่าตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2020 จนถึง 28 กุมภาพันธ์ 2021 พบว่าเกิดกรณีก่อความรุนแรงจากความเกลียดชังต่อชาวเอเชีย-อเมริกันเกือบ 4,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นหญิงถึง 68% และชายเพียง 29%

 

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญมองว่าแม้จะมีการเผยข้อมูลบ่งชี้ว่าหญิงเอเชียและอเมริกัน-เอเชียตกเป็นเป้าหมายของการก่อความรุนแรงจากความเกลียดชังมากเป็นพิเศษ แต่ประเด็นนี้ก็มักจะถูกมองข้ามและไม่ได้รับความสนใจ ซึ่งการแก้ไขปัญหานี้คือการกำหนดแนวทางเชิงระบบเพื่อรับทราบถึงภัยคุกคามที่หญิงเอเชียและอเมริกัน-เอเชียกำลังเผชิญอยู่

 

ภาพ: Alex Wong / Getty Images

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

https://edition.cnn.com/2021/03/17/us/asian-women-misogyny-spa-shootings-trnd/index.html?fbclid=IwAR38LgkmrtCAQeZTYMg49UTpLf9XCy1IobWYk_JBY142E8B9xMYqu5vSBVY

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising