ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของวงการค้าปลีกเอเชีย เมื่อตระกูลผู้ก่อตั้ง Seven & i ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกญี่ปุ่น เจ้าของแบรนด์ 7-Eleven กำลังเจรจาชวนเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP Group บริษัทยักษ์ใหญ่จากไทย เข้าร่วมลงทุนซื้อกิจการในรูปแบบ Management Buyout (MBO) หรือการที่ผู้บริหารรวมตัวกันซื้อกิจการคืนจากผู้ถือหุ้น โดยมีมูลค่ามหาศาลกว่า 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.95 ล้านล้านบาท) เพื่อสกัดการเข้าซื้อกิจการจาก Alimentation Couche-Tard บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่จากแคนาดา ที่เสนอราคาซื้อ 4.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.58 ล้านล้านบาท)
สถานีโทรทัศน์ NHK รายงานว่า CP Group ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจ 7-Eleven ในประเทศไทยกว่า 12,000 สาขา กลายเป็นผู้เล่นรายล่าสุดที่ได้รับการทาบทามให้เข้าร่วมแผนการซื้อกิจการครั้งประวัติศาสตร์
โดยมูลค่าการลงทุนอาจสูงถึงหลายแสนล้านเยน ทั้งนี้ อาจมีผู้ร่วมลงทุนมากกว่า 2 ราย อย่างไรก็ตาม ตัวแทนของทั้ง Seven & i และ CP Group ต่างปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข่าวดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ตระกูลผู้ก่อตั้งได้เจรจากับ ITOCHU บริษัทการค้าชั้นนำของญี่ปุ่น และ Apollo Global Management บริษัทจัดการสินทรัพย์จากสหรัฐฯ เพื่อระดมทุนสนับสนุนดีลนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์บางรายมองว่าอาจเป็นกลยุทธ์เพื่อกดดันให้ Alimentation Couche-Tard ยื่นข้อเสนอที่สูงขึ้น
บล.ลิเบอเรเตอร์ วิเคราะห์ว่าดีลนี้อาจไม่คุ้มค่าสำหรับ CP Group เนื่องจาก Seven & i มี ‘อัตรากำไรต่ำ’ เพียง 2-3% ขณะที่มีค่า P/E Ratio สูงถึง 80 เท่า และ Forward P/E 50 เท่า ในขณะที่ CPALL ปัจจุบันซื้อขายที่ P/E 20 เท่า มีต้นทุน 4% และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Net D/E) 0.8 เท่า ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง
‘ความท้าทาย’ สำคัญของ Seven & i คือแรงกดดันจากผู้ถือหุ้นที่ต้องการให้บริษัทขายธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก ทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าเฉพาะทาง และแฟรนไชส์ร้านอาหาร
โดยเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บริษัทได้จัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งเพื่อดูแลบริษัทในเครือ 31 แห่ง ซึ่งมีกองทุน Private Equity ยักษ์ใหญ่อย่าง KKR และ Bain Capital ต่างยื่นข้อเสนอซื้อกิจการมูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.68 แสนล้านบาท)
นักวิเคราะห์มองว่าหากดีลนี้เกิดขึ้นจริงอาจส่งผลกระทบในแง่ลบต่อ CPALL มากกว่า เนื่องจากตลาด 7-Eleven ในญี่ปุ่นค่อนข้างอิ่มตัว จึงแนะนำว่า CPALL ควรมุ่งเน้นการขยายสาขาในประเทศไทยปีละ 600-700 สาขา ซึ่งน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
อ้างอิง: