กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ โดยระบุว่า ความชัดเจนทางการเมืองที่มากขึ้นหลังการเลือกตั้งจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ให้ต่างชาติหันมาพิจารณาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทย พร้อมย้ำเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้ดีกว่าคาด
ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg โดยกล่าวถึงทิศทางอนาคตเศรษฐกิจไทยหลังการเลือกตั้งเมื่อ 14 พฤษภาคม 2566 ว่า “ผมรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าคนส่วนใหญ่ต้องการสิ่งใหม่และตอนนี้การเลือกตั้งได้สิ้นสุดไปแล้ว ดังนั้นหน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่คือการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อการเจริญเติบโตของประเทศไทยตามความมุ่งหวังของประชาชน”
สำหรับคำถามที่ว่า การเปลี่ยนแปลงนั้นสามารถเป็นไปได้หรือไม่ ภากรมองว่าหากเราย้อนดูประเทศไทยใน 20 ปีที่ผ่านมา สิ่งหนึ่งที่เราได้เห็นตลอดช่วงเวลานั้นคือความแตกแยกระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและความมั่นคงในรัฐบาลที่ไม่ไปในทางเดียวกัน ซึ่งหากรัฐบาลมีความมั่นคงมากขึ้น แนวโน้มที่เศรษฐกิจจะโตเร็วก็จะสูงขึ้นตามด้วย
ในส่วนของความมั่นใจนักลงทุน ภากรชี้ว่าหากมองจากองค์ประกอบเศรษฐกิจไทย เรามีทั้งภาคธุรกิจที่ทั้งทำได้ดีและไม่ค่อยดีนัก โดยในช่วง 2 ปีก่อน การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยเราเป็นแบบ K-Shaped หมายความว่าศักยภาพในการฟื้นตัวที่ไม่เท่ากันในแต่ละอุตสาหกรรม เช่น ภาคการท่องเที่ยว การบริโภคภายในประเทศ โรงพยาบาล และธุรกิจร้านอาหาร เป็นกลุ่มที่ฟื้นตัวได้ดี แต่ปัจจุบันเราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นโดยภาพรวม และหลายฝ่ายก็คาดหวังสูงกับเศรษฐกิจไทยปีนี้
ดังนั้นภากรจึงมองว่าไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่การเติบโตทางเศรษฐกิจมีศักยภาพที่จะทำได้ดีกว่าเกินกว่าคาด ที่อาจเรียกความสนใจในการลงทุนได้
สำหรับฝั่งของหุ้นไทยที่มีผลการดำเนินงานย่ำแย่ที่สุดในอาเซียนนับตั้งแต่ต้นปี 2566 จนถึงปัจจุบัน ภากรเชื่อว่าจากการฟื้นตัวที่ดีขึ้นในภาพใหญ่ของหลายๆ อุตสาหกรรม และความชัดเจนทางการเมืองที่มากขึ้นหลังการเลือกตั้ง จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ให้ต่างชาติหันมาพิจารณาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทย จากสภาพแวดล้อมที่เอื้อและมั่นคงต่อการลงทุนมากขึ้น
ซึ่งในปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าจะได้เห็นหุ้น IPO เกิดขึ้นหลายตัว จากสถิติใน 5 ปีที่ผ่านมาที่ตลาด IPO ไทยมีสภาพคล่องที่ค่อนข้างสูง โดยเฉลี่ยเงินใหม่ที่ไหลเข้ามาแต่ละปีอยู่ที่ประมาณ 3-4 พันล้านดอลลาร์ และปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ หวังว่าจะมีหุ้น IPO เกิดขึ้นมากกว่า 40 ตัว ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของจำนวน IPO ที่ผ่านมาในแต่ละปี แต่ในปีนี้ส่วนมากหุ้น IPO จะมาจากบริษัทที่มีขนาดเล็กลงมาเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- 12 บจ. แห่ Spin-Off บริษัทลูก ผลักดันให้ระดมทุนผ่านการ IPO และเข้าตลาดหุ้นปี 66
- ผ่าโรดแมป ‘จีเอเบิล’ กับการพุ่งทะยานสู่ผู้นำด้าน Tech Enabler พร้อมเตรียม IPO ภายในปี 2565 และการมุ่งพิชิตรายได้ 10,000 ล้านบาทใน 5 ปี
- 10 เรื่องต้องรู้ของหุ้น IPO ‘มิลเลนเนียม กรุ๊ป’ ผู้นำเข้าและจำหน่าย ‘รถ-เรือหรู’ รายเดียวในตลาดหุ้นไทย
อ้างอิง: