ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนยังคงอยู่ในเกณฑ์ร้อนแรง แต่ลดลงจากการสำรวจครั้งก่อนหน้า นักลงทุนคาดหวังปัจจัยหนุนจากภาคท่องเที่ยวและผลประกอบการ บจ. ขณะที่ปัจจัยฉุดคือความขัดแย้งระหว่างประเทศและการประกาศเก็บภาษีขายหุ้น
กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ผลสำรวจในเดือนธันวาคม 2565 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 121.75 ปรับตัวลดลง 2.1% จากเดือนก่อนหน้า โดยยังคงอยู่ในเกณฑ์ ‘ร้อนแรง’
นักลงทุนมองว่าการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ การประกาศจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และสถานการณ์เงินเฟ้อ
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนสำรวจในเดือนธันวาคม 2565 ได้ผลสำรวจโดยสรุปดังนี้
- ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มีนาคม 2566) ยังคงอยู่ในเกณฑ์ ‘ร้อนแรง’ (ช่วงค่าดัชนี 120-159) ปรับตัวลง 2.1% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 121.75
- ดัชนีความเชื่อมั่นรายกลุ่มนักลงทุน สำรวจเดือนธันวาคม 2565 พบว่าความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคลและกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ อยู่ในระดับ ‘ร้อนแรง’ ในขณะที่กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์และกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ อยู่ในเกณฑ์ ‘ทรงตัว’
- หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุดคือ หมวดพาณิชย์ (COMM)
- หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุดคือ หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์โลหะ (STEEL)
- ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุดคือ การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว
- ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุดคือ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
ผลสำรวจ ณ เดือนธันวาคม 2565 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่มขึ้น 17.6% อยู่ที่ระดับ 128.38 ในขณะที่ความเชื่อมั่นนักลงทุนกลุ่มอื่นๆ ปรับลดลง โดยกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลดลง 40.0% อยู่ที่ระดับ 85.71 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลดลง 18.4% อยู่ที่ระดับ 105.56 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับลดลง 10.7% อยู่ที่ระดับ 125.00
ในช่วงเดือนธันวาคม 2565 SET Index เคลื่อนไหวอยู่เหนือ 1,600 จุด ตลอดทั้งเดือน โดยมีปัจจัยหนุนจากภาคการท่องเที่ยวในประเทศ การกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามปกติในช่วงเดือนสุดท้ายของปี 2565 รวมถึงการเตรียมพร้อมรับการเปิดประเทศของจีน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นทั้งภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก และแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อย่างไรก็ตาม ตลาดทุนยังได้รับผลกระทบจากความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งในรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ และการประกาศจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดย SET Index ณ สิ้นเดือนธันวาคม ปิดที่ 1,668.66 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.0% จากเดือนก่อนหน้า ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิในเดือนธันวาคม 2565 กว่า 12,826 ล้านบาท โดยตลอดทั้งปี 2565 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นมูลค่า 196,886 ล้านบาท
ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ แนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในปี 2566 ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางแต่ละประเทศยังต้องคงมาตรการทางการเงินที่เข้มงวด การส่งสัญญาณเปิดประเทศของจีน ซึ่งจะช่วยหนุนเศรษฐกิจจีนและการท่องเที่ยวในเอเชีย อีกทั้งความเสี่ยงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ และวิกฤตราคาพลังงานโดยเฉพาะในยุโรป
ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน การส่งออกของไทยที่มีแนวโน้มหดตัวตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การเลือกตั้งในประเทศ ซึ่งอาจทำให้การลงทุนภาครัฐชะลอตัวลงในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล และจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดการณ์ว่าจะเดินทางมาไทยเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งอาจต้องเฝ้าระวังในเรื่องการระบาดของโควิดต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ส่อง Top 5 หุ้น IPO ‘ดาวรุ่ง-ดาวร่วง’ ประจำปี 2565
- รีวิว ‘มาตรการกำกับ’ ฉบับเข้มข้น พบ 3 หุ้น ‘BGT, JTS และ TEAMG’ เข้าระดับ 3 ในปีนี้
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศหุ้นเข้า SET50-SET100 รอบเดือน ม.ค.-มิ.ย. ปี 66