ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ยืนยันความพร้อมของระบบกำกับดูแล ยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินอย่างเข้มข้น เพื่อรักษาความเชื่อมั่นของนักลงทุนและเสถียรภาพของตลาดทุนไทย
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุว่าหัวใจสำคัญของการรักษาความสะอาดของตลาดทุนคือการที่ธุรกรรมทุกประเภทต้องผ่านสถาบันตัวกลาง (Intermediaries) อาทิ บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซึ่งอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ที่เข้มงวดของ ก.ล.ต. และ ปปง. โดยมีการใช้มาตรการดังนี้
KYC & CDD: การตรวจสอบตัวตนและที่มาของเงินทุนอย่างละเอียด (Customer Due Diligence) ตั้งแต่เริ่มเปิดบัญชี
Real-time Monitoring: ระบบติดตามการซื้อขายรายวัน หากพบพฤติกรรมผิดปกติหรือการเพิ่มทุนที่ไม่มีแหล่งที่มาชัดเจน จะมีการสั่งระงับและตรวจสอบเชิงลึกทันที
ด้านสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ประกาศแถลงการณ์เน้นย้ำความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายและการบูรณาการข้อมูลร่วมกับ 15 หน่วยงานรัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลในลักษณะ ‘Connecting the dots’ ทำให้สามารถเห็นภาพรวมของเส้นทางการเงินที่ผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว
โดยมาตรการเชิงรุกที่เห็นผลเป็นรูปธรรมในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่
1. การปราบปรามบัญชีม้า สามารถยับยั้งบัญชีต้องสงสัยในระบบสินทรัพย์ดิจิทัลได้แล้วกว่า 44,382 บัญชี คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท
2. ความเร็วในการระงับเหตุ การประสานงานร่วมกับแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อปิดกั้นการหลอกลงทุนได้ภายในเวลาเพียง 7 นาที ถึง 48 ชั่วโมง โดยในปี 2568 สามารถปิดกั้นไปแล้วกว่า 3,134 บัญชี
3. ยกระดับมาตรฐานสากล เตรียมนำเกณฑ์ Travel Rule มาใช้กับสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามธุรกรรมข้ามพรมแดน
นอกจากมาตรการบังคับใช้กฎหมาย ก.ล.ต. ยังมุ่งเน้นกลไก 3Cs (Consultation, Communication, Collaboration) เพื่อให้คำปรึกษาและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่นักลงทุน “เอะใจก่อนโอน” เพื่อลดโอกาสความสูญเสียก่อนที่อาชญากรรมจะเกิดขึ้น
ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอยืนยันให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศมั่นใจว่า ตลาดทุนไทยมีระบบการตรวจสอบที่รัดกุมและมีความโปร่งใสเพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือในฐานะศูนย์กลางการลงทุนที่มีมาตรฐานระดับสากล


