×

เซเรนา วิลเลียมส์ คำบอกรัก การบอกลา และสิ่งที่เธอมอบไว้ให้แก่โลกใบนี้

06.09.2022
  • LOADING...
เซเรนา วิลเลียมส์

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • เซเรนาเล่าว่าหลังจากที่เธอได้นำเรื่องนี้มาทบทวนอย่างถ้วนถี่ เธอตัดสินใจที่จะยุติชีวิตการเป็นนักเทนนิสเอาไว้แค่นี้และเมื่อบอกสิ่งนี้กับ อเล็กซิส โอลิมเปีย โอฮาเนียน จูเนียร์ ซึ่งเพิ่งจะอายุครบ 5 ขวบ เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา สิ่งที่เธอได้เห็นคือรอยยิ้มที่สดใสและแววตาที่เป็นประกายของลูกสาวคนแรก
  • ในปี 1992 อาร์เธอร์ แอช บอกกับเพื่อนนักข่าวว่า “มีเด็กผิวดำสองคนอยู่ที่นี่ รอดูพวกเธอเล่นนะ ทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน ชื่อของพวกเธอคือ วีนัสและเซเรนา วิลเลียมส์ มาจากคอมป์ตัน แคลิฟอร์เนีย”
  • สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการเป็น เซเรนา วิลเลียมส์ คือการที่เธอสามารถที่จะ ‘ยืนหยัดในการเป็นตัวของตัวเองและประสบความสำเร็จ’ ซึ่งมันได้กลายเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้คนไม่ว่าคนคนนั้นจะสนใจหรือเล่นกีฬาหรือไม่ก็ตาม
  • เซเรนามอบความทรงจำที่ดีให้แก่ทุกคนในยูเอสโอเพ่น รายการสุดท้ายของชีวิต แต่ความทรงจำที่ดีที่สุดสำหรับตัวเธอเองอยู่ที่การลงแข่งในประเภทคู่กับ วีนัส วิลเลียมส์ พี่สาวอีกครั้ง

1.

“โอลิมเปียไม่ชอบเวลาที่ฉันเล่นเทนนิส” คือถ้อยคำแรกจากปากของ เซเรนา วิลเลียมส์ ในบทความพิเศษที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ของนิตยสาร TIME มันเป็นคำพูดจากหัวใจที่แทบจะไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ เพิ่มเติมต่อว่าทำไมนักเทนนิสหญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกจึงตัดสินใจที่จะอำลาวงการทั้งๆ ที่เธอยังอาจมีเวลามากกว่านี้อีกหลายปีบนคอร์ต

 

เพราะ ณ เข็มนาฬิกาเดินไป วิลเลียมส์ผู้น้องนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ยอดนักกีฬาที่ยืนหยัดบนระดับสูงสุดมายาวนานกว่า 2 ทศวรรษ และไม่ได้เป็นแค่แรงบันดาลใจของผู้คนมากมายทั่วโลกเท่านั้น

 

เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้วที่เธอเป็น ‘แม่’ และสำหรับแม่ทุกคนไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะห้ามไม่ให้พวกเธอปฏิเสธคำร้องขอของลูกได้

 

เซเรนาเล่าว่าหลังจากที่เธอได้นำเรื่องนี้มาทบทวนอย่างถ้วนถี่ เธอตัดสินใจที่จะยุติชีวิตการเป็นนักเทนนิสเอาไว้แค่นี้และเมื่อบอกสิ่งนี้กับ อเล็กซิส โอลิมเปีย โอฮาเนียน จูเนียร์ ซึ่งเพิ่งจะอายุครบ 5 ขวบ เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา สิ่งที่เธอได้เห็นคือรอยยิ้มที่สดใสและแววตาที่เป็นประกายของลูกสาวคนแรก

 

แต่รอยยิ้มนั้นฉีกหัวใจของเธอ “มันทำให้ฉันรู้สึกเศร้า” วิลเลียมส์ในวัย 40 ปีกล่าว “และมันนำความวิตกกังวลมาสู่ใจของฉัน”

 

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแม้ว่าเซเรนาจะพยายามอย่างดีที่สุดแล้วในการที่จะประคับประคองทั้งชีวิตครอบครัว โดยเฉพาะการแบ่งเวลาให้กับลูกที่ทำให้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเธอไม่สามารถที่จะทุ่มเทให้กับสิ่งที่เธอรักมากที่สุดในชีวิตได้

 

และมันไม่ใช่ความผิดอะไรของโอลิมเปียที่จะไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงหายหน้าไปเป็นช่วงๆ ไม่ได้อยู่กับเธอโดยตลอด

 

มากกว่านั้นคือหนูน้อยไม่ได้อยากเป็นแค่ลูกสาวเพียงคนเดียว แต่เธออยากเป็น ‘พี่สาว’

 

วันหนึ่งในเดือนสิงหาคมโอลิมเปียเด็ดดอกแดนดิไลออน – ดอกไม้ในนามแห่งความหวัง – และเป่ามันด้วยใจปรารถนา สิ่งที่เธอขอต่อใครสักคนบนฟ้าก็คือน้องสาวคนเล็ก

 

คำขอนี้คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เซเรนาตัดสินใจ หรือหากจะพูดให้ถูกกว่านั้นคือทำใจยอมรับว่าเธอไม่มีวันที่จะใช้ชีวิตเพื่อตัวเธอเองคนเดียวได้อีกแล้ว เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะเสียเวลาไปอีกอย่างน้อยร่วม 2 ปีเพื่อมีน้องให้โอลิมเปียและกลับมาลงแข่งขันต่อในวัยเกินหลักสี่

 

สิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวดคือการที่เธอไม่มีทางเลือกอื่นเหมือนนักกีฬาชายที่ไม่จำเป็นต้องแบกรับสิ่งเหล่านี้ เหมือนเช่น ทอม เบรดี คุณพ่อลูกสามที่ตัดสินใจอำลาวงการเพื่อครอบครัวก่อนจะเปลี่ยนใจขอกลับมาอีกครั้งในวัย 44 ปี หรือ เลอบรอน เจมส์ คุณพ่อลูกสามเช่นกันที่ต่อสัญญาใหม่ออกไปอีก 2 ปีกับแอลเอ เลเกอร์ส รับเงินค่าตอบแทน 97.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในวัย 37 ปี และหวังว่าจะได้เล่นกับลูกชายทั้ง 2 ใน NBA

 

“มันมาถึงจุดที่ผู้หญิงในบางครั้งก็ต้องตัดสินใจเลือกในสิ่งที่แตกต่างจากผู้ชาย โดยเฉพาะถ้าพวกเธออยากมีครอบครัว” เซเรนาบอก

 

“มีแค่ขาวกับดำ มีแค่ต้องเลือกหรือไม่เลือกเลย”

 

2.

สำหรับคนอย่าง อาร์เธอร์ แอช นักเทนนิสระดับตำนานของสหรัฐอเมริกา การที่เขาออกปากชวนใครสักคนมายังสนามแข่งในรายการระดับเยาวชนนั้นหมายถึงมีสิ่งที่พิเศษมากๆ อยู่ที่นั่นเท่านั้น

 

เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว แต่ความทรงจำยังชัดเหมือนเกิดขึ้นเมื่อวาน

 

“รอก่อนจนกว่าคุณจะได้เห็นพวกเขาเล่น” แอชบอกกับ ซินดี ชเมอร์เลอร์ บรรณาธิการสาวจากนิตยสาร World Tennis ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนร่วมงานในรายการเทนนิสทาง HBD และเป็นมิตรในชีวิตจริง

 

ชเมอร์เลอร์มาถึงอาร์เธอร์ แอช ยูธ เทนนิส เซ็นเตอร์ ซึ่งมีการแข่งขันรายการพิเศษและมีดินเนอร์เพื่อระดมทุนให้แก่การกุศล โดยที่อาร์เธอร์ แอชตัวจริงที่รอต้อนรับอยู่ตรงนั้นบอกว่า “มีเด็กผิวดำสองคนอยู่ที่นี่ รอดูพวกเธอเล่นนะ ทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน ชื่อของพวกเธอคือวีนัสและเซเรนา วิลเลียมส์ มาจากคอมป์ตัน แคลิฟอร์เนีย”

 

แอชเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เอ้อ พวกเธออายุแค่ 11 กับ 10 ขวบเท่านั้น”

 

หนูน้อยทั้งสองอยู่ในชุด Reebok ใหม่เอี่ยม และที่โดดเด่นสะดุดตาคือเหล่าลูกปัดสีสวยบนเส้นผมของพวกเธอ

 

ในระหว่างที่ชเมอร์เลอร์กำลังจับตาดูการเล่นของพวกเธอ ซึ่งเก่งและที่สำคัญคือห้าวหาญอย่างยิ่ง เขาก็เหลือบไปเห็นแอชกำลังยืนฉีกยิ้มกว้างอยู่ใกล้ๆ ราวกับได้เห็นสิ่งที่ทำให้หัวใจสงบและมีความสุข

 

ก่อนหน้านั้นแค่ 2 สัปดาห์ เขาเพิ่งประกาศข่าวร้ายที่ช็อกโลกว่าเขาป่วยเป็นโรคเอดส์ การที่เขาชวนเพื่อนอย่างชเมอร์เลอร์มาเพื่อดูแววของเด็กสองคนนี้จึงชวนคิดได้ว่าอาจเป็นการฝากฝังเอาไว้

 

ไม่ได้หมายถึงการผลักดันหรือสนับสนุนเด็กทั้งสองคน แต่คือการฝากจับตาทั้งวีนัสและเซเรนา

 

บรรณาธิการสาวได้มีโอกาสพูดคุยกับ ริชาร์ด วิลเลียมส์ และสิ่งที่ ‘King Richard’ บอกนั้นเป็นเหมือนคำทำนาย


เขาบอกว่าเด็กสองคนนี้เซเรนาคือคนที่เป็นนักกีฬาที่ดีกว่าและวันหนึ่งข้างหน้าเธอจะเป็นผู้เล่นที่เก่งกว่า – ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาได้พยายามพูดซ้ำย้ำอยู่อย่างนั้นตลอดอีกหลายปีนับจากนั้น

 

และคำทำนายที่สองคือเด็กทั้งสองคนนี้สักวันจะขึ้นไปอยู่อันดับ 1 และ 2 ของโลกได้อย่างแน่นอน

 

ชเมอร์เลอร์รับฟังแต่ไม่คล้อยตามมากนัก เพราะถึงจะเห็นพลังที่ร้อนแรงของทั้งคู่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งวีนัสซึ่งมีรูปรางที่สูงใหญ่กว่าเด็ก 11 ขวบทั่วไป มีพลังแขนและพลังขาที่สามารถเคลื่อนไหวในรูปแบบที่เหลือเชื่อได้ แต่เธอก็เห็นเด็กเก่งๆ แบบนี้มานักต่อนัก

 

ยิ่งเซเรนาที่รูปร่างเล็กกว่าเกือบ 1 ฟุต และการเล่นที่ดูแล้วต้องขัดเกลาอีกมาก ยิ่งดูยากว่าทั้งคู่จะไปถึงจุดที่ว่านั้นได้อย่างไร

 

10 เดือนหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น อาร์เธอร์ แอช จากโลกนี้ไป

 

และ 10 ปีหลังจากนั้น ซินดี ชเมอร์เลอร์ ก็ได้เห็นคำทำนายของ ริชาร์ด วิลเลียมส์ ที่กลายเป็นความจริง

 

3.

“มันเป็นเรื่องยากที่จะหาคำมาอธิบายถึงสิ่งที่ได้รับแรงกระเพื่อมจากเซเรนา มันเกิดขึ้นสำหรับคนชั่วอายุหนึ่งและมันจะสืบต่อไปในอีกหลายชั่วอายุคน”

 

แทนยา ซิสดัค รองประธานของ Nike พูดถึง เซเรนา วิลเลียมส์ หนึ่งวันก่อนที่เธอจะลงทำการแข่งขันรอบ 3 ในรายการยูเอสโอเพ่นกับ อัจลา ทอมยาโนวิช ซึ่งกลายเป็นแมตช์สุดท้ายในชีวิตการเล่นของเธอเมื่อพ่ายต่อนักเทนนิสสาวน้อยชาวออสเตรเลีย

 

เพียงแต่สำหรับ Nike สายสัมพันธ์กับนักเทนนิสหญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เพราะสิ่งที่เธอทำเพื่อโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่เรื่องของความเก่งกาจยามที่ลงสู่สนามแข่งขันเท่านั้น

 

เซเรนาคือ ‘ไอคอน’ ของโลกในแทบทุกด้าน ที่แม้วัยจะล่วงมาถึง 40 ปีแล้ว แต่คุณค่าของเธอนั้นไม่เคยลดทอนลงเลย ในทางตรงกันข้าม ‘แบรนด์’ ของเธอยังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม

 

“เธอเปลี่ยนแปลงกีฬานี้ไปอย่างสิ้นเชิง และมันไปไกลกว่าแค่เทนนิส ที่ฉันอยากจะบอกคือมันไปไกลกว่ากีฬาโดยทั่วไปแล้ว” ซิสดัคพยายามบอกถึงความยิ่งใหญ่ของเซเรนาในมุมที่คนทั่วไปอาจจะยังมองไม่เห็นภาพได้ชัดเท่า

 

สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการเป็น เซเรนา วิลเลียมส์ คือการที่เธอสามารถที่จะ ‘ยืนหยัดในการเป็นตัวของตัวเองและประสบความสำเร็จ’ ซึ่งมันได้กลายเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้คนไม่ว่าคนคนนั้นจะสนใจหรือเล่นกีฬาหรือไม่ก็ตาม

 

ในสนามเธอพิชิตแกรนด์สแลมมาแล้ว 23 ครั้ง โดยที่ 10 ครั้งในนั้นเกิดขึ้นหลังวัยล่วงเข้า 30 ปี ซึ่งปกติแล้วเป็นช่วงเวลาที่นักเทนนิสหญิงจะเริ่มโรยราและตัดใจอำลาวงการ

 

เธอเป็นคนนิยาม ‘มาตรฐานความงาม’ ขึ้นมาใหม่ โดยไม่สนใจเสียงซุบซิบจากคนที่มองเรือนร่างของเธอว่าแตกต่างจากมาตรฐานนักเทนนิสหญิงทั่วไป

 

เธอเป็นเจ้าแม่แฟชั่นที่มีรสนิยม แม้กระทั่งในรายการแข่งครั้งสุดท้ายของชีวิต ชุดที่เธอใช้แข่งขันก็เป็นชุดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากชุดนักกีฬาสเกตน้ำแข็ง ที่จะสวมใส่ชุดที่สวยงามประดับตกแต่งอย่างดี และรองเท้าของเธอก็มีการประดับด้วยเพชร

 

เธอยังเป็นสุดยอดนักลงทุน เธอเปิดธุรกิจเงินร่วมลงทุน Serena Ventures ที่เธอคิดว่าเธอทำได้ดี (ปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์) และน่าจะเป็นสิ่งที่เธอจะพยายามเดินทางนี้ต่อไป และยังพยายามเปิดโอกาสให้คนผิวดำได้มีโอกาสร่วมลงทุนกับเธอซึ่งเป็น ‘VC’ ไม่กี่แห่งที่มีเจ้าของเป็นคนผิวดำ

 

เธอเป็นนักต่อสู้ อะไรก็ตามที่เธอเห็นว่าไม่ถูกไม่ควรก็พร้อมจะลุกขึ้นยืนหยัดเพื่อเรียกร้องสิ่งที่ถูกต้องเสมอ รวมถึงเรื่องปัญหาสังคมที่หยั่งรากฝังลึกมาตลอดประวัติศาสตร์มนุษย์อย่างการเหยียดสีผิว

 

“สำหรับเด็กสาวผิวดำ การสามารถเอาตัวรอดได้ในพื้นที่ที่ไม่ต้อนรับเธอและสามารถยืนหยัดได้อย่างน่าภาคภูมิใจ” เคลลี โรว์แลนด์ นักร้องสาวจากวงระดับตำนาน Destiny Child ซึ่งเป็นเพื่อนของเซเรนากล่าว “เธอคือตัวแทนของพวกเราทุกคนในยามที่เราไม่สามารถทำได้ เธอทำให้ทุกอย่างโอเค ทำให้พื้นที่นี้เป็นของเธอ แม้แต่ในเวลาที่พวกเขาพูดบางอย่างในสิ่งที่เราจะไม่มีวันตอบ (คำเหยียดผิว)”

 

“ฉันมั่นใจว่ามัน (คอร์ตเทนนิส) เป็นสถานที่ที่น่ากลัว แต่การทำมันได้ และทำมันได้เป็นคนแรก ด้วยวิธีที่ทำได้ในแบบของตัวเอง แบบมีสไตล์ และสง่างาม และไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดในความยิ่งใหญ่ของตัวเอง มันคือสุดยอดความกล้าหาญ”

 

และเธอคือสุดยอดคุณแม่ คนที่รู้ตัวว่าตั้งท้องก่อนการแข่งออสเตรเลียนโอเพ่น 2017 แต่ตัดสินใจที่จะลงแข่งขันต่อไปโดยไม่คิดจะบอกใคร

 

สิ่งที่เซเรนาทำคือการพยายามเอาชนะทุกแมตช์ให้เร็วที่สุด ทำให้เธอไม่เสียแม้แต่เซ็ตเดียวในรายการปีนั้น และคว้าแชมป์แกรนด์สแลมมาครองได้ และยังทำสถิติแซงหน้า สเตฟฟี กราฟ ตำนานนักเทนนิสหญิงผู้ยิ่งใหญ่ได้ด้วย

 

ราวกับว่าเธอเป็นได้ทุกอย่างที่อยากเป็น

 

4.

ด้วยการประกาศแบบอ้อมๆ ผ่านบทความพิเศษในนิตยสาร Vogue ฉบับเดือนสิงหาคม ทำให้สปอตไลต์ไม่มีทางเลือกอื่นที่จะฉายไปยังเซเรนา วิลเลียมส์ตั้งแต่การแข่งขันยูเอสโอเพ่นยังไม่เริ่ม

 

เซเรนามอบความทรงจำที่ดีให้แก่ทุกคนในการแข่งขันรอบแรกที่เอาชนะ ดานกา โควินิช ในรอบแรก 6-3, 6-3 และ เอเน็ตต์ คอนตาเวียต 7-6 (ไทเบรก 7-4), 2-6 และ 6-2 ก่อนที่จะไม่มีเทพนิยายตอนสุดท้ายเมื่อพ่ายต่อทอมยาโนวิชในรอบที่ 3

 

แต่ความทรงจำที่ดีที่สุดสำหรับตัวเธอเองไม่ได้อยู่ในการแข่งขันประเภทเดี่ยว

 

การลงแข่งในประเภทคู่กับ วีนัส วิลเลียมส์ พี่สาวซึ่งปัจจุบันอยู่ในวัย 42 ปี ซึ่งพี่น้องวิลเลียมส์ได้สิทธิ์ร่วมลงแข่งขันได้ ซึ่งเมื่อเซเรนาร้องขอมาก็ไม่มีอะไรที่พี่สาวอย่างเธอจะทำให้ไม่ได้

 

“เธอเป็นบอส ดังนั้นฉันจะทำทุกสิ่งที่เธอบอกให้ฉันทำ”

 

เช่นนั้นเองที่ทำให้เราได้เห็นพี่น้องวิลเลียมส์เดินลงคอร์ตเคียงข้างกันอีกครั้ง หลังจากที่ได้เห็นครั้งสุดท้ายในปี 2018 และทำให้ภาพความทรงจำที่พี่น้องคู่นี้เคยไล่ฟาดคู่แข่งจนกระเจิงมานักต่อนักนั้นกลับคืนมาอีกครั้ง

 

“เธอคือที่พักพิงของฉัน ฉันตื่นเต้นมากที่ได้เล่นกับเธอ เรามาทำมันด้วยกันอีกครั้งเถอะ มันก็ผ่านมานานมากแล้ว” ​เซเรนากล่าวก่อนที่เธอจะลงแข่งขันในรอบแรกประเภทคู่หญิง แม้มันจะน่าเสียดายที่พวกเธอพ่ายต่อคู่ของ ลูซี ฮราเดคกา และ ลินดา นอสโควา ไปสองเซ็ตรวดก็ตาม

 

แต่ภาพการกลับมายืนอยู่เคียงข้างกันของทั้งสองก็ทำให้ทุกคนประทับใจ

 

ตลอดมาเราต่างรู้ดีว่าพี่น้องคู่นี้มีกันและกันเสมอ และในเวลาเดียวกันก็เป็นคู่แข่งของกันและกันด้วย โดยตลอดชีวิตการเล่นพวกเธอเจอกันเองในรายการระดับเมเจอร์มากถึง 16 ครั้ง ในจำนวนนี้วีนัสเป็นฝ่ายกำชัยชนะได้ 5 ครั้ง ซึ่งมันอาจนำไปสู่การแปรผกผันได้อย่างง่ายๆ ว่าถ้าไม่มีพี่สาวขวางทางอยู่ เซเรนาจะคว้าแชมป์แกรนด์สแลมได้เพิ่มอีกกี่สมัย?

 

แต่มันก็มีช่วงเวลาที่วีนัสไม่รู้จะต่อกรกับน้องสาวอย่างไร ในระหว่างปี 2002-2003 ซึ่งพวกเธอเจอกันในรอบชิงแกรนด์สแลมถึง 4 ครั้งติดต่อกัน และเซเรนาเป็นฝ่ายชนะทั้งหมด

 

แต่มันไม่เคยนำไปสู่รอยร้าวใดๆ ในใจระหว่างทั้งสอง (จะมีก็แต่แม่ที่ต้องตามไปเช็กทุกครั้งหลังจบการแข่งที่เจอกันเองว่าทั้งคู่โอเคกันไหม)

 

ครั้งหนึ่งในการแข่งขันเฟรนช์โอเพ่น 2002 วีนัสผู้แพ้ถึงกับเดินลงจากโพเดียมไปแทรกตัวอยู่ในกลุ่มช่างภาพเพื่อขอถ่ายภาพของน้องสาวผู้เป็นแชมเปียนด้วยตัวเอง

 

สำหรับคนอื่นเซเรนาเป็นเหมือนดาวฤกษ์ที่ส่องสว่างกลางใจคน

 

สำหรับเซเรนาแล้ววีนัสคือดาวพระศุกร์ที่คอยส่องแสงนำทางให้เธอเสมอทุกรุ่งเช้า

 

“ฉันคงไม่ได้เป็นเซเรนาถ้าหากไม่มีวีนัส ดังนั้นขอบคุณนะวีนัส” เซเรนากล่าวหลังแมตช์สุดท้ายของชีวิต “เธอคือเหตุผลเดียวที่เซเรนา วิลเลียมส์ยังคงอยู่”

 

เซเรนา วิลเลียมส์ สามารถเป็นอะไรก็ได้ในชีวิต

 

แต่ต่อให้เธอไม่ได้เป็นอะไรเลย เธอก็ยังเป็นน้องสาวของวีนัสคนนี้ และจะเป็นแบบนี้ตลอดไป

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising