วันนี้ (23 มิถุนายน) ที่บริเวณโถง ชั้น1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา (อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา) ฐานผิดต่อกฎหมายไทย
จากกรณีที่สมเด็จฮุน เซน ได้มีการสั่งให้ เกียงฮวด รองผู้ว่าการกรุงพนมเปญ ร่วมกับตำรวจไทยฆ่า ลิม คิมยา นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม ในประเทศไทย ซึ่งคลิปเสียงดังกล่าวเผยแพร่ผ่านสำนักข่าว Al Jazeera
ต่อมาทางการกัมพูชา ปฏิเสธคลิปเสียงโดยระบุว่าเป็นคลิปเสียงที่ทำโดยเทคโนโลยี AI แต่จากการยืนยันโดยผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี คลิปเสียงดังกล่าวถูกยืนยันว่าเป็นคลิปเสียงสมเด็จฮุน เซน จริง
และต่อมาวันที่ 22 สิงหาคม 2566 พร พันนา นักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝั่งตรงข้ามสมเด็จฮุน เซน ที่ลี้ภัยอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2565 ถูกชายแปลกหน้า 3 คนที่พูดภาษากัมพูชาทุบตีที่จังหวัดระยองได้รับบาดเจ็บที่หน้าและหน้าอก
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏเช่นนี้ตนในฐานะอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ทราบกฎหมาย ว่าการกระทำดังกล่าวแม้จะเป็นการสั่งมาจากนอกราชอาณาจักร มาดำเนินการในประเทศไทยก็ถือว่าเป็นความผิดในกฎหมายไทยด้วย วันนี้จึงต้องร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีสมเด็จฮุน เซน
โดยเอกสารที่ตนนำมายื่นให้ประกอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 85 ที่บัญญัติว่าผู้ใดโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด และความผิดนั้นมีอัตราโทษไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ก็จะต้องรับโทษในความผิดบัญญัตินั้นเสมือนเป็นตัวการ
ตนเองเป็นอดีตตำรวจไม่ได้มีอำนาจตามกฎหมายที่จะไปเรียกใครมาสอบสวน จึงจำเป็นต้องให้ลูกน้องเก่าซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายไปดำเนินการติดตามจับกุม วันนี้ตนมาเสนอแนะ สิ่งที่เกิดขึ้นและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ตำรวจจะสอบสวนฝ่ายเดียวไม่ได้ต้องให้อัยการสูงสุดมาเป็นพนักงานสอบสวนร่วมด้วย
เมื่อถามย้ำว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถดำเนินการได้จริงหรือไม่ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ยืนยันว่าสามารถทำได้ ถ้าเจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานก็สามารถนำไปสู่หมายจับได้เช่นกันขอให้อย่าดูถูกฝีมือของลูกน้องเก่าตนเพราะสมัยนี้มีเครื่องมือเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า
กรณีที่ สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กรณีคลิปเสียงการพูดคุย ระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ สมเด็จฮุน เซน ตนมองว่าเป็นการแก้เกี้ยวไม่ได้เป็นการดำเนินคดีสมเด็จฮุน เซน จริง ในส่วนข้อความการแจ้งความตนกำลังหารายละเอียดเพิ่มเติม ทั้งนี้การแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ยืนยันไม่มีความหมาย
ส่วนข้อมูลที่นำมาร้องทุกข์กล่าวโทษวันนี้จะเป็นประเด็นนำไปปราศรัยสำหรับกลุ่มผู้ชุมนุมที่นัดหมายวันที่ 28 มิถุนายนหรือไม่ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ระบุว่า ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเนื่องจากคดีดังกล่าว เป็นคดีความระดับประเทศ ที่ต้องมีอัยการสูงสุดเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ส่วนกรอบระยะเวลาตนเองไม่ได้กดดันเจ้าหน้าที่ เพราะมีหลายขั้นตอนที่ต้องดำเนินการ แต่หากตำรวจไม่ทำก็จะเข้าข่ายความผิดมาตรา 157 ซึ่งตนเองจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด