×

กิตติศักดิ์รับ สว. ส่วนใหญ่หนักใจแทนเศรษฐา ฟันธงนายกฯ คนที่ 30 ไม่ได้มาจากเพื่อไทย ชี้อาจเป็น ‘อนุทิน-ประวิตร’

โดย THE STANDARD TEAM
07.08.2023
  • LOADING...
กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ

วันนี้ (7 สิงหาคม) ที่รัฐสภา กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงกระแสข่าวสมาชิกวุฒิสภา (สว.) อาจปฏิเสธความเห็นชอบให้ เศรษฐา ทวีสิน ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยว่า ยังไม่ถึงขนาดนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติ ในวันนี้ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้เข้ามายื่นหนังสือเพื่อให้ตรวจสอบคุณสมบัติของเศรษฐา ส่วน สว. ที่จะพิจารณาคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีเป็นอีกประเด็นหนึ่ง สว. ต้องมองภาพรวม ส่วนเรื่องที่มาร้องเรียนก็เป็นอีกเพียงประเด็นหนึ่งเท่านั้น

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เศรษฐามีเรื่องร้องเรียนหลายเรื่อง กลุ่มเพื่อน สว. มีการพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าวหรือไม่ กิตติศักดิ์กล่าวว่า ตนเองเอาใจช่วยเศรษฐา แต่ความจริงคือความจริง สว. รู้สึกหนักใจแทน เพราะผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เรื่องจริยธรรมเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด หากไปดำรงตำแหน่ง CEO บริษัทต่างๆ เราไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง แต่การที่ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 แล้ว สว. จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ที่หนักใจแทนเศรษฐา หนักใจเรื่องอะไร กิตติศักดิ์กล่าวว่า เรื่องที่ดินเป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวข้อง กับเรื่องภาษีที่ยังไม่ชัดเจน ขณะเดียวกันเรื่องที่เรืองไกรเข้ามาร้องในวันนี้ก็จะได้รับการพิจารณาอย่างเร่งด่วนจากคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงก็จะนำไปพิจารณาเช่นเดียวกัน

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในลักษณะนี้เป็นการบอกกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ว่าให้นำเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีชื่ออื่น กิตติศักดิ์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่และไม่ใช่อำนาจของ สว. ที่จะไปปฏิบัติเช่นนั้น การจัดตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องของ สส. ส่วน สว. เป็นเพียงผู้วิพากษ์วิจารณ์ ดังนั้น สว. ไม่มีหน้าที่ไปก้าวก่าย หรือชี้ได้ว่าจะเอาคนนั้นหรือไม่เอาคนนี้

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีรอบที่ 3 ประชาชนเริ่มตั้งคำถามว่าการโหวตนายกรัฐมนตรีนานเกินไป สว. จะปล่อยให้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยปล่อยไปตามกระบวนการภายหลังได้หรือไม่ กิตติศักดิ์กล่าวว่า เรื่องของบ้านเมือง โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เรื่องที่จะทดลองได้ ประเทศไทยไม่ใช่บริษัทที่จะมาเล่นขายของ ดังนั้นผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะต้องถูกตรวจสอบอย่างดีที่สุด แน่นอนไม่มีใครดี 100% แต่คนที่จะเข้ามาเป็นนายกฯ อย่างน้อยต้องมีความใสสะอาดเรื่องจริยธรรม

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีรอบที่ 3 สว. ส่วนใหญ่จะรับหลักการ ไม่รับหลักการ หรืองดออกเสียง กิตติศักดิ์กล่าวว่า เท่าที่พูดคุยกันในการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งนี้คาดว่าจะไม่มีการงดออกเสียง โดยมีแค่เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบเท่านั้น

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีรอบ 3 จะได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เลยหรือไม่ กิตติศักดิ์กล่าวว่า ได้ แต่ตนเองไม่ทราบว่าเป็นใคร พร้อมกล่าวต่อไปว่าบ้านเมืองปล่อยให้ช้าไปมากกว่านี้ไม่ได้ ส่วนพรรคการเมืองที่จะเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็เหลืออีกไม่กี่คน ดังนั้นต้องได้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลโดยเร็วที่สุด

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีรอบ 3 จะจบเลยหรือไม่ กิตติศักดิ์กล่าวว่า ไม่บังอาจทำนายขนาดนั้น แต่การโหวตนายกรัฐมนตรีรอบที่ 3 หากยังเป็นชื่อของเศรษฐา เท่าที่ตนเองได้รับฟังจากหลายๆ ฝ่าย โดยเฉพาะ สว. มีความหนักใจแทน 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เห็นแววจะเป็นนายกฯ คนนอกหรือไม่ กิตติศักดิ์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีคนนอกต้องมาจากมาตรา 272 (2) ยืนยันว่าไม่ถึง แต่ที่ตนเองเคยให้สัมภาษณ์ไป และขอเป็นหมอเดาว่านายกรัฐมนตรีน่าจะไม่ได้มาจากพรรคเพื่อไทย และเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยจะไม่ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อพรรคที่ 2 ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็เป็นหน้าที่ของพรรคที่ 3 ซึ่งก็มีแค่ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้มีกระแสข่าวที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์ กิตติศักดิ์ถามกลับว่า “โทษที มีพรรคก้าวไกลหรือไม่” หากไม่มีพรรคก้าวไกลก็จะอยู่ที่พรรคการเมืองไปรวมกัน จะได้ สส. 300 กว่าเสียง ก็จะเป็นรัฐบาลที่มีเสียงจำนวนมาก และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อีกระยะหนึ่ง แต่คงไม่ครบ 4 ปี เนื่องจากจุดประสงค์ของรัฐบาลใหม่คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากมีการรวมกัน มีการปรองดอง เรื่องนี้ สว. ไม่ก้าวก่าย และยินดีที่จะได้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ สว. เคยบอกว่าหากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกลแล้ว สว. พร้อมที่จะสนับสนุน แล้วเหตุใดตอนนี้มีท่าทีเปลี่ยนใจ กิตติศักดิ์กล่าวว่า ตามที่สื่อได้ทราบ จากกรณีที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เผยแพร่ในสังคมเป็นเรื่องที่มีความน่าสนใจ ตนเองเคยบอกเสมอว่าหากไม่มีพรรคก้าวไกลก็จะสนับสนุนให้มีรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีเพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ แต่ขณะนี้มีเรื่องคุณสมบัติส่วนตัวของเศรษฐา จากนี้คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่มี เสรี สุวรรณภานนท์ เป็นประธาน จะบรรจุระเบียบวาระโดยเร็ว เพื่อให้ข้อมูลในส่วนนี้กระจ่างขึ้น เพื่อตรวจสอบว่าเศรษฐาบกพร่องทางด้านจริยธรรมหรือไม่ หากเศรษฐาสามารถเคลียร์ตัวเองได้ก็ไม่มีปัญหาที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่หากตรวจสอบแล้วและไม่สามารถตอบคำถามได้ สว. ก็จะตัดสินใจไม่เลือก

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคที่ 3 พรรคที่ 4 สว. มีความหนักใจหรือไม่ กิตติศักดิ์กล่าวว่า ไม่มีความหนักใจและไม่มีความสบายใจ ทุกคนต้องได้รับการตรวจสอบด้วยมาตรฐานเดียวกัน

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising