×

สว. รุมซักฟอกปมทักษิณ ‘สมชาย-ถวิล’ ชี้ทำประชาชนเสื่อมศรัทธา-ยุติธรรมผิดเพี้ยน ด้าน ‘ทวี’ ย้ำสั่งใครให้ช่วยอดีตนายกฯ ไม่ได้

โดย THE STANDARD TEAM
25.03.2024
  • LOADING...
สว. รุมซักฟอกปม ทักษิณ

วันนี้ (25 มีนาคม) การประชุมวุฒิสภา (สว.) ในการอภิปรายญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริง หรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153

 

สมชาย แสวงการ สว. ได้ลุกอภิปรายญัตติในประเด็นความอยุติธรรมในกระบวนการยุติธรรมว่า วันนี้ตนรู้สึกว่าประเทศนี้ขาดความยุติธรรม เสื่อมวิกฤตความยุติธรรมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีส่วนรับผิดชอบสำคัญในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ท่านเป็นประธานคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ เป็นตำแหน่งสำคัญที่คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โรงพยาบาลตำรวจ และกระทรวงยุติธรรม แต่ประชาชนไม่พูด แต่เขารู้สึกว่าความยุติธรรมสองมาตรฐาน บางคนเรียกว่าไร้มาตรฐาน 

 

สมชายระบุอีกว่า เราปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม แต่ปัญหายุติธรรมท้ายน้ำทำล่มสลายหมด เข้าใจว่านายกรัฐมนตรีมาจากนักธุรกิจ แต่ไม่ทราบว่าใครบอกให้นายกฯ พูดหรือท่อง ที่ว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ตามหลักนิติรัฐนิติธรรมจริงหรือไม่ 

 

วันนี้ไม่มีความจำเป็นต้องมีศาลฯ คงไว้ให้เหลือแต่กรมราชทัณฑ์ ที่อ้างกฎ อ้างระเบียบ ซึ่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์เป็นผู้แก้ไขจนเกิดช่องว่าง แต่กฎหมายกำหนดว่านักโทษที่จะได้รับการลงโทษจะต้องเป็นผู้ประพฤติดี ช่วยงานราชการ 

 

สมชายระบุว่า อยากถามว่า ทักษิณ ชินวัตร เข้าเงื่อนไขใดบ้าง วันนี้ตนไม่ขอก้าวล่วงทักษิณ แต่ตนสนับสนุนในการกลับประเทศ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หลังจากหนีคดีทุจริตไป 17 ปี วันนี้สิ่งที่ต้องพูดคือปัญหาในการบังคับโทษที่เกิดขึ้นในระบบทั้งการเมืองและข้าราชการ ผู้ใดทำคนนั้นต้องรับผิดชอบ 

 

‘ทักษิณ’ ลงพื้นที่เชียงใหม่ แสดงความแข็งแรง

 

ทั้งนี้สมชายยังได้เปิดคลิปวิดีโอภาพเหตุการณ์ขณะทักษิณลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมถามว่า การลุกนั่ง การใช้มือขวาโหนขึ้นรถกอล์ฟ เหมือนกับอาการเอ็นเปื่อยยุ่ยจริงหรือไม่ การเดินขึ้นบันไดดอยสุเทพ และยังรดน้ำพรวนดินที่งานพืชสวนโลก แสดงถึงความแข็งแรง แสดงว่าโรงพยาบาลตำรวจรักษาดี แถมกล้องวงจรปิดกลับเสียตลอดทาง 

 

เดิมนักโทษจะได้รับการพักโทษ หากรับโทษมาไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ 6 เดือน อายุ 70 ปีขึ้นไป และมีโรคประจำตัว แต่มีการแก้ไข จากคำว่า และ เป็น หรือ ทำให้เกิดการโกงชาติบ้านเมือง แค่อายุ 70 ปีก็กลับบ้านได้ 

 

สมชายกล่าวอีกว่า ขอบอกว่าเรื่องนี้เป็นการสั่นคลอนกระบวนการยุติธรรมอย่างยิ่ง วันนี้ตนไม่ได้มาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพราะไม่มีสิทธิ แต่ประชาชนจะไม่ไว้วางใจท่าน 

 

“ความเสื่อมศรัทธานี้ซึมลึกยาวนาน ที่ผมกังวลคือมันจะเกิดวิกฤตศรัทธา นำมาซึ่งสึนามิแล้วแก้ไขยาก ผมอยากเห็นการแก้ไข คนที่ต้องถูกดำเนินการ ดำเนินคดีรับผิดชอบคือเจ้าหน้าที่รัฐและการเมืองที่ไปเอื้อประโยชน์” สมชายกล่าว

 

‘ถวิล’ ชี้กระบวนการยุติธรรมไทยผิดเพี้ยนหลังทักษิณกลับไทย 

 

ด้าน ถวิล เปลี่ยนศรี สว. อภิปรายระบุว่า กระบวนการยุติธรรมในสังคมได้ปรากฏอยู่ในคำแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่ออ่านแล้วเป็นคำแถลงนโยบายที่สวยหรูและดูดี แต่ความจริงรัฐบาลได้ละเว้นการปฏิบัติที่สร้างความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศเป็นอย่างมาก 

 

โดยกรณีที่เห็นชัดที่สุด คือกรณีของอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่กลับมารับโทษเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกับสังคมและบ้านเมือง เพราะคนทำผิด คดีถึงที่สุดต้องรับโทษ ตรงไปตรงมา กฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์และบ้านเมืองจะอยู่กันได้ด้วยความปกติสุข แต่เสียดายที่ก้าวแรกของทักษิณมาเหยียบย่ำบนผืนแผ่นดินแห่งนี้ เรื่องแปลกๆ ก็เกิดขึ้นต่อกระบวนการยุติธรรม    

 

เริ่มแรกคือได้รับการเตรียมการต้อนรับที่สนามบินพร้อมกับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย และปรากฏว่าทักษิณอยู่ภายในเรือนจำกลางไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 ทั้งที่ก่อนหน้าเข้าสู่กระบวนการในประเทศไทยปรากฏว่าแข็งแรง และต่อมาได้รับพระมหากรุณาธิคุณได้รับอภัยโทษ  

 

จากนั้นเรื่องแปลกๆ ก็เกิดขึ้นไม่หยุด เช่น การรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจเกิน 30 วัน จนกระทั่งครบ 180 วัน และปรากฏข้อมูลทางการแพทย์เป็นที่เคลือบแคลงใจ จึงเป็นที่สรุปว่าตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาทักษิณไม่เคยสัมผัสกับบรรยากาศในเรือนจำเลย แม้กระทั่งประตูเรือนจำสีอะไรอดีตนายกฯ คงจำไม่ได้

 

ถวิลกล่าวอีกว่า เมื่อทักษิณได้รับการพักโทษ กลับเปิดบ้านต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง และต่อด้วยการเดินทางเยี่ยมบ้านเกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ มีทั้งรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง ผู้ว่าราชการจังหวัด ต่างพากันมารับรอง มองแล้วไม่ใช่ภาพนักโทษที่ได้รับการพักโทษ เพราะอยู่บ้านไม่เหลือเค้าโครงของการเจ็บป่วยรุนแรง เรื่องนี้สังคมมองว่าเป็นเรื่องที่บิดเบี้ยว ไม่เสมอภาค 

 

แต่สิ่งที่น่าเสียใจคือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปจนถึงระดับรัฐมนตรีกลับยืนยันเสียงแข็งว่าดำเนินการอย่างถูกต้อง จึงขอให้หลับตา ลองสวดมนต์ทำใจให้สบาย และสาบานกับตัวเองว่าได้ปฏิบัติไปโดยถูกต้องและชอบธรรม เป็นธรรม เสมอภาคแล้วจริงหรือไม่

 

ชี้สิ่งที่บิดเบือนไม่ได้คือกฎแห่งกรรม

 

ถวิลกล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมเพิ่มขึ้น จึงไม่สามารถที่จะเล่าเรื่องและให้ค่านิยมต่อลูกหลานได้ในอนาคต และไม่สามารถที่จะเล่าเรื่องพันท้ายนรสิงห์ให้ลูกหลานฟังได้ เพราะถึงแม้พันท้ายนรสิงห์จะได้รับการอภัยโทษแล้ว แต่เมื่อบกพร่องโดยสุจริต แต่ยืนยันว่าจะรับการลงโทษ ก็ต้องให้เป็นไปตามความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ 

 

“สิ่งที่เที่ยงแท้แน่นอนที่ไม่สามารถบิดเบือนได้คือกฎแห่งกรรม วันหนึ่งผมคิดว่าไม่ช้าเกินรอที่จะได้ทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรง มอบคุณ มอบโทษ ให้กับทุกท่านที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตามวิบากกรรม ตามการกระทำของทุกท่านต่อไป” ถวิลกล่าว

 

‘ทวี’ ย้ำ กม.ราชทัณฑ์ มาก่อนเข้ารับตำแหน่ง 

 

ขณะที่ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลุกขึ้นชี้แจงว่า ในการบริหารราชการแผ่นดินของตนมีอุดมการณ์แน่วแน่ในการยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และหลักนิติธรรมเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ให้ทุกภาคส่วนอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม ซึ่งตนเลือกประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน เลือกการถูกกฎหมายมากกว่าบุญคุณ ซึ่งจะต้องแก้ให้ไปด้วยกันกับความถูกต้อง รวมถึงตนเลือกระบบคุณธรรมมากกว่าระบบอุปถัมภ์ 

 

อดีตนายกฯ ทักษิณไม่เคยสั่งการให้ตนทำสิ่งที่ขัดต่อกฎหมายหรือสิ่งที่ขัดต่อคุณธรรม การที่ท่านกลับเข้ามารับโทษตามกระบวนการยุติธรรมเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ขณะนั้น ตอนเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไม่ได้เปลี่ยนใครเลย แต่ที่ถวิลบอกว่าตนทำลายกระบวนการยุติธรรม 

 

สั่งใครช่วย ‘ทักษิณ’ ไม่ได้

 

“ท่านคิดว่า ผมจะสั่งการ พล.อ. ประยุทธ์ได้หรือ ท่านทักษิณมาจะต้องไปโรงพยาบาลทันที ท่านคิดหรือว่าผมจะไปสั่งการ หรือนายกฯ เศรษฐาจะไปสั่งการอาจารย์วิษณุได้ ผมไม่รู้ว่าพรรคของผมมี 9 คน จะร่วมเป็นรัฐบาลหรือไม่ ผมอยากให้ความเป็นธรรมสักนิดหนึ่งในการหยิบข้อเท็จจริง ผมคิดว่าการทำลายระบบยุติธรรมคือการยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญ ทำลายระบบการบริหารราชการแผ่นดิน จะถูกจะผิดอย่างไรไม่ทราบ ผมมีจุดยืนอย่างนั้น แม้จะมีการปฏิวัติ บางครั้งคนเชิญให้ผมมาอยู่ในตำแหน่ง ผมยังตอบปฏิเสธ เพราะคิดว่าผมมีอุดมการณ์” พ.ต.อ. ทวี กล่าว

 

รพ. คือที่คุมขังตามกฎหมาย

 

พ.ต.อ. ทวี ระบุว่า ตนได้รับตำแหน่งวันที่ 11 กันยายน 2566 หลังทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่โรงพยาบาลตำรวจ ตนก็คิดเหมือนทุกท่านว่าทำไมถึงไม่อยู่เรือนจำเลยสักวันหนึ่ง ทำไมต้องไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจ แต่กฎหมายพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ ซึ่งบังคับใช้มา 80 ปี มีบทบัญญัติไม่สอดคล้องกับอาญาของประเทศ จากเดิมใช้ทฤษฎีแก้แค้นทดแทนข่มขวัญยับยั้ง จะเปลี่ยนมาเป็นทฤษฎีฟื้นฟู และเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสากล การกำหนดโทษเป็นเรื่องของศาลฯ แต่การบริหารโทษเป็นเรื่องของกฎหมายราชทัณฑ์ 

 

อย่างไรก็ตามกฎหมายราชทัณฑ์ครั้งนี้มีเจตนาให้มีที่คุมขังอื่นที่ไม่ใช่เรือนจำ ซึ่งระบุไว้ว่าเป็นโรงพยาบาลรวมถึงโรงพยาบาลเอกชน ตนจึงอยากให้สังคมรับรู้ไว้ว่าการคุมขังในกฎหมายใหม่ไม่ใช่เรือนจำ ซึ่งเรือนจำสามารถบรรจุผู้ต้องขังได้ประมาณ 170,000-180,000 คน แต่วันนี้มีถึง 280,000 คน มันเป็นดินแดนทรมาน ซึ่งตามกฎหมายแม้พักในโรงพยาบาลก็ไม่สามารถออกจากห้องได้เพราะเรามีผู้คุม และต้องปฏิบัติตามระเบียบของราชทัณฑ์ โดยสรุปอดีตนายกฯ ทักษิณถูกคุมขังจำคุก แต่ใช้สถานที่คุมขังอื่นเป็นเวลา 6 เดือน

 

“วันนี้เราอาจไม่ได้สะใจ เพราะท่านไม่ได้อยู่ในเรือนจำ แต่ท่านไปถูกคุมขังตามกฎหมาย กฎหมายนี้เกิดก่อนผมเข้ามา ผมไม่ได้ร่างเลย และระเบียบต่างๆ ก็เกิดมาก่อน ผมบอกแล้วว่าบุญคุณกับการถูกกฎหมาย ผมยึดการถูกกฎหมาย ปลัดกระทรวงและรองปลัดกระทรวงก็ไม่ใช่คนที่ผมรู้จักมาก่อน” พ.ต.อ. ทวี กล่าว

 

ส่วนการพักโทษ พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า ราชทัณฑ์หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมีอำนาจในการพักโทษ แต่จะมีคณะกรรมการพักโทษที่จะพิจารณาทุกเดือนเป็นเกณฑ์ที่เกิดมาก่อนที่ตนจะเข้ามา ซึ่งกรณีของทักษิณผู้แทนกระทรวงสาธารณสุขระบุว่าเข้าเกณฑ์อายุ 70 ปี เหลือโทษไม่มากนัก และคะแนนการช่วยตัวเองมีเพียง 9 คะแนน ขณะที่ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติและอัยการระบุคล้ายกันว่าเข้าเกณฑ์ผู้สูงอายุ แต่กรณีต้องรักษาพยาบาลถือว่าโรงพยาบาลเป็นสถานที่ควบคุมตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ มาตรา 55 วรรคสาม 

 

พ.ต.อ. ทวี กล่าวอีกว่า ท่านจะคิดอย่างไรก็ตาม อันนี้คือกฎหมาย ซึ่งตนรู้สึกเสียใจกับข้อหาที่นั่งฟังเมื่อสักครู่ ท่านรู้ไหมว่าในคดีอาญาถ้าศาลยังไม่ตัดสินให้ถือเป็นผู้บริสุทธิ์ จะปฏิบัติเหมือนผู้ต้องคำพิพากษาสิ้นสุดไม่ได้ 

 

คุกไม่ได้มีเอาไว้ขังอย่างเดียว คุกมีไว้ให้ออกด้วย

 

ส่วนที่ สว. สมชาย อภิปราย เรื่องข้อมูลสุขภาพของทักษิณนั้น พ.ต.อ. ทวี ระบุว่า หากท่านคิดว่ากฎหมายพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ไม่สมบูรณ์ ขอให้ช่วยกันแก้ไข 

 

“ระบบการคิดของเรือนจำสมัยใหม่เขาไม่ได้เอาไว้แก้แค้น คุกไม่ได้มีเอาไว้ขังคนให้อยู่อย่างเดียว คุกมีไว้ให้ออกด้วย แต่การจะออกจากเรือนจำต้องมีการพัฒนาพฤตินิสัย จะทำอย่างไรให้เรือนจำเป็นสถานที่ที่สร้างคนที่มีคุณภาพ เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้ไปสร้างสังคมสร้างบ้านเมือง” พ.ต.อ. ทวี กล่าว

 

ทั้งนี้ พ.ต.อ. ทวี ยังระบุถึงการอภิปรายของถวิลที่ระบุว่า กรณีของทักษิณทำให้เกิดการแตกแยกในสังคม ว่าการฉีกและธรรมนูญยึดอำนาจถือเป็นสิ่งที่ทำมากกว่า แต่นี่เป็นสิ่งที่ท่านทำตามกฎหมาย และไม่ใช่กฎหมายที่ตนเขียน ที่ท่านบอกว่าเป็นการทำลายระบบราชการ ระบบยุติธรรมย่อยยับ ยืนยันว่าถ้าตนทำนอกกฎหมายก็จะเป็นการทำตามอำเภอใจ

 

ถาม ‘ทวี’ เอะใจหรือไม่ ทำไมกรณีทักษิณถึงไม่เหมือนกรณีอื่น

 

ภายหลังการชี้แจงของ พ.ต.อ. ทวี เสร็จสิ้น ถวิลได้อภิปรายเพิ่มเติมระบุว่า ระหว่างวิธีทำกับคำตอบ วิธีทำสำคัญเท่ากับคำตอบ ถ้าทำถูกคำตอบผิดใช้ไม่ได้ วิธีทำผิดคำตอบถูกก็ยังใช้ไม่ได้ มันต้องถูกต้องทั้งสองอย่าง ท่านนึกเอะใจหรือไม่ว่าทำไมคำตอบของเรื่องนี้ถึงเป็นแบบนี้ ท่านลืมทดเลขหรือไม่ คำตอบถึงไม่เหมือนกรณีอื่น หรือกรณีนี้คนที่ดูแลเรื่องนี้เป็นชุดอื่น คำตอบของเรื่องนี้จะเป็นอย่างนี้หรือไม่ และในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ คำตอบถึงผิดเพี้ยน ทั้งหมดนี้จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของพี่น้องประชาชน ถ้าเรื่องนี้ไปจบที่กระบวนการของศาลมันจะชัดเจนว่าเกิดข้อบกพร่องอะไรตรงไหน

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising