×

วุฒิสภาเห็นชอบกฎหมายให้อำนาจเรียกของ กมธ. ชี้ หากหน่วยงานไม่มาให้ข้อมูลเท็จ เสี่ยงผิดทางวินัย

โดย THE STANDARD TEAM
05.03.2025
  • LOADING...
senate-approves-subpoena-law

วันนี้ (5 มีนาคม) ที่อาคารรัฐสภา พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อำนาจเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. …. แถลงภายหลังจากร่าง พ.ร.บ.ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมวุฒิสภา เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา โดยที่ประชุมวุฒิสภามีมติเห็นชอบด้วยกับร่างที่ผ่านการพิจารณาของสภา ซึ่งร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้เป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยคำสั่งเรียกของ กมธ. ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เพื่อสนับสนุนการทำงานของรัฐสภาตามหน้าที่และอำนาจของ กมธ. มีกลไกและผลบังคับทางกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 129 ซึ่งเปลี่ยนแปลงหลักการจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550

 

พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญของร่าง พ.ร.บ. ได้แก่ 1. อำนาจเรียกเอกสารหรือบุคคล (มาตรา 6 และมาตรา 7) ให้ กมธ. มีอำนาจเรียกเอกสารจากบุคคล หรือเรียกบุคคลมาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็น ถ้าบุคคลที่ กมธ. เรียกเป็นรัฐมนตรี ให้ประธาน กมธ. มีหนังสือแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย ถ้าบุคคลที่ กมธ. เรียกเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้ประธาน กมธ. แจ้งให้นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีซึ่งบังคับบัญชาหรือกำกับดูแลทราบด้วย 

 

สำหรับเอกสิทธิ์ของผู้ให้ถ้อยคำ (มาตรา 11) ซึ่งเป็นมาตราที่มีความมุ่งหมายคุ้มครองแก่ผู้ที่ให้ถ้อยคำ หรือส่งมอบวัตถุ เอกสาร หรือพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องต่อ กมธ. โดยไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง อาญา หรือวินัย เนื่องจากการที่ได้เปิดเผยข้อมูล หรือให้วัตถุหรือพยานหลักฐานต่อ กมธ.

 

พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ กล่าวอีกว่า ส่วนมาตรการบังคับในการให้ข้อเท็จจริงของเจ้าหน้าที่ของรัฐ (มาตรา 14) หากเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ส่งเอกสารหรือไม่มาแถลงข้อเท็จจริง หรือแสดงความคิดเห็น โดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือให้ข้อมูลเท็จหรือแจ้งความอันเป็นเท็จ จะถือว่าไม่รักษาประโยชน์ของทางราชการและเป็นความผิดทางวินัย

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising