ดูเหมือนว่าต้องใช้เวลาในการพัฒนากันอีกนานเลยทีเดียวสำหรับเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ (Self-driving Vehicle)
เพราะเมื่อล่าสุดช่วงเที่ยงของวันพุธที่ 8 พฤศจิกายนตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา สำนักข่าว KSNV News 3 ในลาสเวกัสรายงานว่า ‘The shuttle’ รถชัตเทิลบัสรับส่งผู้โดยสารไร้คนขับเกิดประสบอุบัติเหตุชนขูดเข้ากับตัวถังรถบรรทุก ตั้งแต่วันแรกที่เปิดทดสอบให้บริการ! เคราะห์ยังดีที่เป็นอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อยและไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด
ภายหลังเกิดเหตุผู้โดยสารรายหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์เฉียดตายให้สัมภาษณ์กับ KSNV News 3 ว่า “รถชัตเทิลบัสแค่หยุดอยู่กับที่เฉยๆ และพวกเราที่อยู่ในรถทุกคนก็ได้แต่อุทานกันว่ารถบรรทุกมันจะเข้ามาชนเราแล้ว มันจะชนเราแล้ว! และมันก็ชนรถเราจริงๆ หลังจากนั้น The shuttle ก็ไม่ได้ถอยรถกลับเลย มันแค่หยุดอยู่กับที่เฉยๆ”
ขณะที่ ไมค์ บลาสกี้ (Mike Blasky) โฆษกประจำบริษัท AAA ผู้ร่วมพัฒนา The shuttle ได้ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้แท้จริงแล้วเป็นผลมาจากความประมาทและความผิดของคนขับรถบรรทุกคู่กรณี
เช่นเดียวกับทางการลาสเวกัส รัฐเนวาดาที่แถลงข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน Tumblr ว่า ก่อนเกิดเหตุรถชัตเทิลบัสไร้คนขับได้หยุดรถทันที เนื่องจากมีเซนเซอร์ตรวจจับว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ แต่คนขับรถบรรทุกกลับไม่ยอมหยุดรถ จนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นในที่สุด โดยหลังจากน้ี The shuttle ยังจะเปิดให้บริการในช่วงทดลอง 12 เดือนต่อไปตามปกติ
สำหรับ The shuttle เป็นรถชัตเทิลบัสรับส่งผู้โดยสารไร้คนขับ 8 ที่นั่ง (ไม่รวมตำแหน่งยืน) ที่เกิดขึ้นจากการร่วมทุนระหว่างบริษัท AAA, บริษัท Navya และบริษัท Keolis โดยเมืองลาสเวกัสมีความตั้งใจจะพัฒนาถนนในย่าน Fremont East ให้กลายเป็นเขตนวัตกรรม ซึ่งบริการรถยนต์ไร้คนขับสาธารณะก็เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่จะช่วยยกระดับความเป็นเขตนวัตกรรมดังกล่าวให้เกิดขึ้นได้จริง
ต้องยอมรับว่าถึงแม้อุบัติเหตุในครั้งนี้จะไม่ใช่ความผิดของยานยนต์ไร้คนขับโดยตรง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้หลายฝ่ายพากันตั้งคำถามถึงความปลอดภัยของเทคโนโลยีรูปแบบนี้พอสมควร
อ้างอิง: