สำนักงาน ก.ล.ต. ประกาศตั้งคณะทำงานดำเนินการตรวจสอบความผิดปกติ หุ้น บมจ.มอร์ รีเทิร์น หลังจากปัญหาที่เกิดขึ้นมีผลกระทบในวงกว้างและเชิงลึก ระบุอยู่ระหว่างทำงานร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง-ตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อรวบรวมหลักฐานเกี่ยวข้องกับหุ้น MORE หลังพบข้อสงสัยเข้าข่ายสร้างราคาหุ้น มั่นใจช่วยย่นเวลาเร็วขึ้นอย่างน้อย 2-3 เดือน
รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการว่าด้วยเรื่องหลักทรัพย์ บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นมีผลกระทบในวงกว้างและเชิงลึก โดยมี เอนก อยู่ยืน ผู้ช่วยเลขาธิการ สายบังคับใช้กฎหมาย ก.ล.ต. เป็นประธาณคณะทำงานที่ดูแลในเรื่องนี้ และทีมงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- จับตา หุ้น MORE ! หลังตลาดหลักทรัพย์และสมาคมโบรกเกอร์เตรียมแถลงแนวทางแก้ปมผิดนัดชำระค่าหุ้น
- ทำความเข้าใจเกม หุ้น MORE ทิ้งคำถามถึงช่องโหว่ของวงการหุ้นไทย
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ แขวนหุ้น ‘MORE’ วันนี้ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบธุรกรรม
ทั้งนี้ เพื่อทำงานดูแลในเรื่องนี้โดยเฉพาะ และเป็นการปรับกระบวนการทำงานมาใช้แบบการทำงานแบบ One Unit One Point โดยได้ร่วมทำงานกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อให้การตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวนี้มีความรวดเร็วขึ้น
สำหรับการดำเนินการของ ก.ล.ต. ในกรณีที่เกิดขึ้นกับหุ้น MORE และ บล.เอเชีย เวลท์ นั้น ก.ล.ต. จะมี 3 โจทย์ใหญ่สำคัญ ประกอบด้วย
- ต้องเข้าไปตรวจสอบว่ามีกรณีการกระทำที่ไม่เป็นธรรมที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ เกิดขึ้นมาหรือไม่
- ต้องเข้าตรวจสอบว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัทหลักทรัพย์ ปฏิบัติบทบาทหน้าที่ของตนเองได้ถูกต้องตามกฎกติกาหรือไม่
- ต้องให้ความสำคัญในประเด็นคุณภาพของหุ้นในหลักทรัพย์ฯ โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็กๆ รวมถึงการคัดเลือกรับหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ด้านเอนกกล่าวว่า ปัจจุบันสำนักงาน ก.ล.ต. อยู่ะหว่างทำงานร่วมกันกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, ปอศ. รวมทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อรวบรวมข้อมูล และนำมาใช้ตรวจสอบกรณีหุ้น MORE ที่มีการซื้อขายผิดปกติ ซึ่งมีข้อสงสัยได้ว่าอาจกระทำความผิดเข้าข่ายเกี่ยวกับสร้างราคาหุ้น (ปั่นหุ้น)
ทั้งนี้ จากการร่วมมือกันหลายฝ่ายในการตรวจสอบกรณีการซื้อขายที่ผิดปกติของหุ้น MORE ในครั้งนี้ ก.ล.ต. เชื่อว่าจะช่วยลดขั้นตอนในการตรวจสอบลงได้ และทำให้ขั้นตอนรวดเร็วขึ้นจากปกติได้อย่างน้อย 2-3 เดือน ดังนั้น ก.ล.ต. จึงมีความมั่นใจว่าผลการตรวจสอบในเรื่องนี้จะทำได้ออกมารวดเร็วกว่ากรณีการตรวจสอบที่เกิดขึ้นในกรณีปกติ
ปัจจุบัน ก.ล.ต. อยู่ระหว่างรอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมกับการซื้อขาย (Transaction) ของหุ้น MORE จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งกำลังรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับหุ้นดังกล่าวย้อนหลังไปช่วงก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ในวันที่ 10 พฤศจิกายน จากนั้นจะส่งมาให้ ก.ล.ต.
โดยหลังจากหารือร่วมกันไปแล้วเบื้องต้น ก.ล.ต. ยอมรับว่ายังมีข้อมูลค่อนข้างน้อยสำหรับตรวจสอบ ซึ่งเป็นข้อมูลคนละชุดกับที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดจะส่งให้กับตำรวจภายในวันนี้ (18 พฤศจิกายน) โดยจะเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องการกรณีการฉ้อโกงระหว่างโบรกเกอร์กับลูกค้า
“หลักการในการดำเนินการตรวจสอบกรณีปั่นหุ้นจะต้องตรวจสอบข้อมูลการจับคู่ซื้อขายหุ้นร่วมกัน เพื่อพิสูจน์ว่ามีการทำผิดเกิดขึ้นหรือไม่ โดยต้องตั้ง Target กลุ่มผู้ต้องสงสัยให้ได้ก่อน จากนั้นต้องไปรวมรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งทำงานร่วมกับตำรวจที่มีความเชี่ยวเฉพาะด้านเพิ่มเติม เพื่อหาความสัมพันธ์เพื่อให้การทำงานรวดเร็วขึ้น เพราะตอนนี้ข้อมูลยังน้อย แต่ได้ภาพใหญ่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มั่นใจว่าผลการตรวจสอบเคสนี้ต้องออกมาเร็วกว่าเคสปกติได้แน่นอน เพราะมีการเร่งการทำงานร่วมมือกันจากหลายฝ่าย”
ด้านณัฐญา นิยมานุสร ผู้ช่วยเลขาธิการ สายธุรกิจตัวกลางและตลาด ก.ล.ต. กล่าวว่า ปัญหาของ บล.เอเชีย เวลท์ ที่นำเงินของลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์โดยลูกค้าไม่ได้ยินยอม คาดว่าเกิดจากปัญหาสภาพคล่อง ทำให้ บล. ดังกล่าวต้องนำเงินจากบัญชีบริษัทหลักทรัพย์เพื่อลูกค้า ไปชำระค่าซื้อหุ้นจนประเด็นปัญหาเกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี จากการสอบถามข้อมูลไปยังบริษัทหลักทรัพย์รายอื่นๆ ยังไม่พบว่าบริษัทหลักทรัพย์รายอื่นๆ มีปัญหาเพิ่มเติม โดยทุกแห่งยังดำเนินธุรกิจตามปกติ และยังไม่พบว่าบริษัทหลักทรัพย์รายใดมีเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (NCR) ติดลบ
ส่วนศักรินทร์ ร่วมรังษี รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า กรณีของ บล.เอเชีย เวลท์ เป็นการกระทำความผิดแน่นอน เนื่องจากตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ นั้น มีข้อห้ามนำเงินของลูกค้าไปใช้ ส่วนจะมีความผิดอื่นๆ เพิ่มเติมหรือไม่ จะต้องไปดูในกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม