สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เห็นชอบแนวทางกำกับดูแลการระดมทุนด้วยการเสนอขายเหรียญดิจิทัลให้นักลงทุนหรือ ICO การประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขาย นายหน้า และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อสร้างความชัดเจนสำหรับผู้ต้องการออก ICO ตัวกลางที่เกี่ยวข้อง ผู้ทำธุรกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ลดโอกาสที่ประชาชนจะถูกหลอกลวงหรือถูกเอาเปรียบและทำให้ภาครัฐมีเครื่องมือในการติดตามและป้องปรามการฟอกเงิน โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ผู้ที่จะออก ICO ต้องเป็นบริษัทตามกฎหมายของไทย มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน มีงบการเงินที่ผ่านการตรวจสอบ ข้อกำหนดสิทธิของผู้ถือโทเคนดิจิทัลที่ชัดเจน ต้องเปิดเผยชุดรหัสทางคอมพิวเตอร์ หรือ Source Code ได้ มีหนังสือชี้ชวน และมีการรายงานความคืบหน้าของโครงการรวมทั้งการใช้เงินเป็นระยะ
2. การเสนอขายต้องทำผ่านผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล หรือ ICO Portal ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. ซึ่งจะคัดกรองโครงการและทำความรู้จักตัวตน สถานะผู้ลงทุน ตลอดจนประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยงของผู้ลงทุน
3. การออก ICO แต่ละครั้งสามารถขายให้ผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ กิจการร่วมลงทุนได้ไม่จำกัดและขายผู้ลงทุนรายย่อยได้รายละไม่เกิน 3 แสนบาท นอกจากนี้วงเงินรวมที่ขายผู้ลงทุนรายย่อยต้องไม่เกิน 4 เท่าของส่วนของผู้ถือหุ้น หรือไม่เกิน 70% ของมูลค่าที่เสนอขายทั้งหมด
4. ศูนย์ซื้อขาย นายหน้า และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรี โดยต้องมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่ต่ำกว่าที่ ก.ล.ต. กำหนด สินทรัพย์ดิจิทัลที่จะนำมาซื้อขายให้เป็นไปตามข้อบังคับของศูนย์ซื้อขายซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.
5. การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลใดๆ ต้องเป็นการแลกเปลี่ยนกับเงินบาท หรือคริปโทเคอร์เรนซีในรายชื่อที่ประกาศกำหนดเท่านั้น
ก.ล.ต. คาดว่าจะออกประกาศที่เกี่ยวข้องในเดือนมิถุนายนนี้ ถือเป็นความชัดเจนอีกก้าวของการกำกับดูแลการระดมทุนรูปแบบใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ร่าง พ.ร.ก. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรสำหรับการเก็บภาษีเงินได้จากเงินคริปโตและโทเคนดิจิทัล เพิ่งจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาและทำให้สังคมเกิดความสนใจในประเด็นดังกล่าวมากยิ่งขึ้น
อ้างอิง: