สุรศักดิ์ ฤทธิ์ทองพิทักษ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายกำกับตลาด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยในการดีเบตหัวข้อ ‘รัฐ vs. เอกชน ทำไมคริปโตชำระสินค้าไม่ได้?’ จัดโดยรายการ THE SECRET SAUCE และ THE STANDARD WEALTH ว่า ขณะนี้หน่วยงานกำกับทั้ง ก.ล.ต. และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังอยู่ระหว่างเดินสายพูดคุยและรับฟังความเห็นเกี่ยวกับตัวร่างหลักเกณฑ์ที่ห้ามมิให้ผู้ประกอบการธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการจากผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
“การรับฟังความเห็นจะเปิดจนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ซึ่งเรายินดีรับฟังทุกฝ่าย หลังจากนั้นจะมีการรวบรวมความเห็นต่างๆ มาพิจารณาร่วมกับแบงก์ชาติว่ามีอะไรที่พอจะปรับได้บ้างหรือไม่ เช่น การเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาใช้คริปโตควรทำได้หรือไม่ หากตรงไหนที่มองว่าแก้ไขได้ก็จะมีกระบวนการต่อเพื่อปรับหลักการ ไม่จำเป็นว่าร่างที่ออกมาจะต้องหน้าตาแบบนี้ไปตลอด” สุรศักดิ์กล่าว
สุรศักดิ์เปิดเผยอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมาหน่วยงานกำกับได้พิจารณาเช่นกันว่า สินทรัพย์ดิจิทัลประเภทใดที่อาจเอามาใช้เป็นสื่อกลางชำระสินค้าและบริการหรือ Means of Payment ได้บ้าง โดยอาจจะเปิดให้มีการทดลองใช้กันในวงแคบก่อน แต่ไม่ได้เปิดกว้างทั้งหมด ขณะเดียวกันยังมีการพิจารณาจัดระเบียบการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลใหม่เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมมากขึ้น
“เรากำลังดูอยู่ว่าอะไรที่มีลักษณะเป็นหลักทรัพย์ก็ควรโยกไปอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ไม่ใช่ พ.ร.บ.สินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อปิดช่องการดูแลให้เท่าเทียมกัน เช่น พวกโทเคนดิจิทัล ส่วนคริปโตเคอร์เรนซีก็อยู่ระหว่างพูดคุยกับ ธปท.” สุรศักดิ์กล่าว
ณพงศ์ธวัช โพธิกิจ ผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายระบบการชำระเงิน ธปท. กล่าวว่า ธปท. อยู่ระหว่างพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะเปิดให้สามารถนำสินทรัพย์ดิจิทัลบางประเภทที่มีความเสี่ยงเหมาะสม เช่น Stablecoin ที่มีเงินบาทหนุนหลังมาใช้ชำระค่าสินค้าและบริการได้ในอนาคต
“ปัจจุบันแบงก์ชาติอยู่ระหว่างพิจารณาออกเกณฑ์ที่จะเข้ามาดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในเรื่องการชำระเงินด้วย ซึ่งตัว Stablecoin จะเป็นส่วนหนึ่งในนี้ เกณฑ์ดังกล่าวจะบอกว่าเหรียญประเภทไหนเปิดให้ออกได้ ต้องบริหารความเสี่ยงอย่างไร เอาไปใช้ชำระอะไรได้บ้าง ซึ่งเกณฑ์นี้กำลังจะออกตามมา” ณพงศ์ธวัชกล่าว
ณพงศ์ธวัชกล่าวอีกว่า Stablecoin ที่จะเปิดให้ใช้เป็นสื่อกลางชำระสินค้าและบริการได้ในอนาคตสามารถออกได้โดยเอกชน ไม่ใช่ CBDC หรือเหรียญที่ ธปท. ออกเอง
ด้าน ศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย กล่าวว่า แผนการเปิดให้เอกชนออก Stablecoin เพื่อใช้ชำระค่าสินค้าและบริการได้ในอนาคต ถือเป็นท่าทีที่ดีของหน่วยงานกำกับ อย่างไรก็ตามในระยะข้างหน้าอยากให้ทั้ง ธปท. และ ก.ล.ต. มีการสื่อสารที่ชัดเจนขึ้น เช่น ในการแถลงถึงข้อห้ามต่างๆ ก็ควรบอกด้วยว่า แล้วสินทรัพย์รูปแบบไหนที่หน่วยงานกำกับต้องการส่งเสริม และพร้อมให้ไทม์ไลน์ ซึ่งเชื่อว่าหากทำได้ภาพลักษณ์ที่ออกมาจะดีขึ้นกว่าการห้ามอย่างเดียว
“หลายเรื่องของสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเรื่องใหม่ ซึ่งเอาเข้าจริงก็ไม่มีใครรู้ว่าจะมีผลกระทบอย่างไร แต่เราควรทดลอง ทำเป็น Sandbox ก็ได้ เหมือนเราจะข้ามถนนจากจุด A ไป B เราควรเดินด้วยความระมัดระวัง แต่ไม่ใช่หยุดอยู่กับที่เพราะกลัวว่าจะถูกรถชน” ศุภกฤษฎ์กล่าว
เอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เข้าใจว่าการออกร่างเกณฑ์ห้ามผู้ประกอบการธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลยุ่งเกี่ยวกับการชำระสินค้าและบริการในครั้งนี้ เกิดจากการที่หน่วยงานกำกับกังวลเรื่องความผันผวนของราคา ค่าธรรมเนียมแอบแฝง และที่กลัวมากที่สุดคงเป็นเรื่องเสถียรภาพของเงินบาท
“ปัจจุบันคนไทยยังใช้คริปโตเพื่อชำระสินค้าในสัดส่วนที่น้อยมากๆ ผมมองว่าร่างเกณฑ์ที่ออกมาอาจจะ Premature ไปหน่อย ซึ่งอาจทำให้ไทยสูญเสียโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล” เอกลาภกล่าว
เอกลาภระบุว่า หน่วยงานกำกับควรจะจัดให้มี Sandbox ขึ้นมาเพื่อทดลองใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในการชำระสินค้าและบริการเพื่อศึกษาข้อดี ข้อเสีย และผลกระทบต่อเสถียรภาพการเงิน มากกว่าการรีบปิดกั้นทันที โดยเชื่อว่าหากไทยสามารถพัฒนาระบบ Crypto Payment ได้ดี จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้อีกมาก
“หน่วยงานกำกับควรจะทำหน้าที่ฟูมฟักนวัตกรรมทางการเงินให้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง เราควรมีการทดลองก่อนไม่ใช่ปิดประตูเลย ถ้าผลออกมาว่าความเสี่ยงต่อเสถียรภาพสูงขึ้น จะได้รู้และช่วยกันระดมหาทางออก” เอกลาภกล่าว
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP