เป็นเวลาเกือบ 4 เดือนเต็มที่โควิด-19 เชื้อไวรัสร้ายได้ย่างกรายเข้ามาสร้างผลกระทบกับคนแทบทุกมุมโลก นอกจากหลายชีวิตจะต้องสูญเสียไปจากวิกฤตครั้งนี้แล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้นยังรวมถึงในแง่เศรษฐกิจและชีวิตประจำวันของผู้คนที่จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป

 

แต่ท่ามกลางวิกฤตที่เกิดขึ้นกับคนทั้งโลกแบบไม่เลือกเชื้อชาติและสีผิว เราได้เห็นภาพของการร่วมแรงร่วมใจเพื่อรับมือกับภัยคุกคามครั้งนี้ด้วยไอเดียที่หลากหลาย ตั้งแต่การเปลี่ยนโรงงานผลิตน้ำหอมมาผลิตเจลแอลกอฮอล์ สายพานการผลิตชุดชั้นในถูกเปลี่ยนเป็นแหล่งผลิตหน้ากากอนามัย หลายฝ่ายพยายามระดมทรัพยากรที่ตัวเองมีอยู่ในมือมาแปรรูปให้กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้คนกำลังต้องการมากที่สุด ณ ห้วงเวลาแห่งวิกฤตนี้ 

 

หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจสำหรับภาคเอกชนที่เข้ามามีส่วนร่วมในการรับมือกับวิกฤตโควิด-19 คือกรณีของ Sea (ประเทศไทย) ผู้นำในการให้บริการอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มรายใหญ่ของไทย ที่แม้จะไม่มีโรงงานหรือกำลังการผลิต แต่ก็ใช้แพลตฟอร์มที่มีอยู่ในมือทั้ง ‘Garena’ บริการดิจิทัลเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ‘Shopee’ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และ ‘AirPay’ บริการด้านการเงินแบบดิจิทัล มาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหา รณรงค์ และบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 

 

มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย)

 

จากฐานข้อมูลของผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล ทำให้ Sea มองเห็น Unmet Needs หรือเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคในขณะเกิดวิกฤตการณ์โควิด-19 นี้อย่างชัดเจน ก่อนที่จะนำข้อมูลเหล่านั้นมาประสานกับวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างความสะดวกสบาย และยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้บริโภค ส่งเสริมธุรกิจและผู้ประกอบการรายย่อย รวมทั้งสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศดิจิทัลของประเทศไทย สุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้จึงกลายเป็นทางออกในการแก้ปัญหาต่างๆ อย่างรอบด้านด้วยไอเดียที่สดใหม่ อีกทั้งยังผสานความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐเพื่อให้ผลลัพธ์นั้นกระจายไปสู่ผู้คนในวงกว้างมากยิ่งขึ้นด้วย

 

 

พยุงชีวิต ต่อลมหายใจเอสเอ็มอีไทยด้วย Shopee

สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังหลักของเศรษฐกิจไทย วิกฤตโควิด-19 ทำให้หลายธุรกิจต้องได้รับผลกระทบอย่างไม่มีทางเลือก ในฐานะแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ที่มียอดดาวน์โหลดกว่า 30 ล้านครั้ง Shopee จึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นช่องทางต่อลมหายใจของเอสเอ็มอีไทยให้เดินหน้าต่อไปได้ท่ามกลางวิกฤต

 

 

เริ่มต้นด้วยการติดอาวุธให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกับความรู้ด้านอีคอมเมิร์ซผ่านโปรแกรมการสอนยอดนิยมอย่าง Shopee Bootcamp และ Shopee University ในรูปแบบ e-Learning เพื่อให้ผู้ขายรายใหม่ที่ขาดประสบการณ์ด้านอีคอมเมิร์ซสามารถใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการต่อยอดเพิ่มช่องทางจากหน้าร้าน โดยจะให้คำแนะนำทักษะพื้นฐานที่จำเป็นในการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ ซึ่งถือเป็นช่องทางสำคัญในการกระจายสินค้าในช่วงวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ 

 

 

ทั้งนี้ Shopee Bootcamp ได้ขยายผลไปสู่ตัวแทนจากชุมชนต่างๆ ทั้งมหาวิทยาลัย ศูนย์ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมไปถึงศูนย์ดิจิทัลชุมชนที่อยู่ภายใต้สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้สามารถนำข้อมูลการเริ่มต้นขายสินค้าออนไลน์บน Shopee รวมทั้งเทคนิคการขายต่างๆ ไปสอนต่อให้คนในท้องที่ เพื่อช่วยส่งเสริมให้เกิดการสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น หรือสามารถประกอบเป็นอาชีพเพื่อเป็นรายได้หลักได้ต่อไปในอนาคต 

 

อีกความช่วยเหลือสำคัญในการต่อลมหายใจเอสเอ็มอีไทยคือการจับมือกับพันธมิตรธุรกิจชั้นนำเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการในยามที่อ่อนล้าจากวิกฤต เช่น สินเชื่อเพื่อธุรกิจออนไลน์จากธนาคารกสิกรไทยที่มีวงเงินอนุมัติสูงสุดถึง 6 แสนบาท หรือการมอบคูปองส่วนลดจากไปรษณีย์ไทยแก่ผู้ขายบน Shopee เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าขนส่งจนถึงวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ 

 

หายห่วงสินค้าหมด ลดภาระผู้บริโภค

นอกจากจะเป็นช่องทางรอดสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีแล้ว ในอีกด้าน Shopee ก็ช่วยบรรเทาปัญหาในฝั่งผู้บริโภคด้วยการดำเนินการจัดหาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในช่วงวิกฤตโควิด-19 ให้เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามสถานการณ์ ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าจะได้รับสินค้าที่ต้องการในราคาและคุณภาพที่เหมาะสม โดยจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจและคู่ค้าต่างๆ 

 

 

นอกจากนี้ยังมี #ShopeeFromHome Month #อยู่บ้านก็ช้อปปี้ได้ แคมเปญลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคด้วยสินค้าราคาพิเศษที่ครอบคลุมในทุกหมวดหมู่ อีกทั้งยังมอบโค้ดส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำทุกวันตลอดแคมเปญจนถึงวันที่ 29 เมษายนนี้ ที่สำคัญยังร่วมมือกับดีแทคเพื่อมอบสิทธิ์ใช้งานอินเทอร์เน็ตฟรีไม่มีจำกัดให้กับลูกค้า เมื่อใช้งานบนแอปฯ Shopee ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นปี 2563 ด้วย

 

เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ สื่อสารโควิด-19 ตรงเป้าหมาย 

บทบาทสำคัญอีกด้านที่ Sea (ประเทศไทย) มุ่งเน้นคือการให้ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 การรับมือ และการดูแลรักษาสุขภาพภายใต้มาตรการ Social Distancing อย่างถูกวิธีผ่านแอปพลิเคชันเกมในเครือ Garena เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ เช่น การส่งข้อความในแอปพลิเคชันเกม การให้ความรู้ผ่านออนไลน์คอมมูนิตี้ที่มีผู้ติดตามนับล้าน รวมไปถึงการสื่อสารรณรงค์ผ่านกลุ่มผู้นำทางความคิดที่เป็นที่นิยมของคนรุ่นใหม่ ทั้งนักกีฬาอีสปอร์ตมืออาชีพและสตรีมเมอร์ชื่อดัง  

 

 

การสื่อสารรณรงค์นี้ยังรวมไปถึงแพลตฟอร์มอีเพย์เมนต์อย่าง ‘AirPay’ ที่สื่อสารถึงช่องทางการเผยแพร่ข่าวสารของกรมควบคุมโรค เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ติดตามสถานการณ์และรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับพื้นที่เสี่ยงอย่างไม่ตกหล่น 

 

 

ดูแล ‘ด่านหน้า’ รับมือโควิด-19 สนับสนุนอุปกรณ์ให้บุคลากรทางการแพทย์

ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานเป็น ‘มดงาน’ ด่านหน้าเพื่อปกป้องสุขภาพและชีวิตของประชาชนถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง Sea (ประเทศไทย) ได้เล็งเห็นความสำคัญของบทบาทนี้เป็นอย่างดี จึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการรักษาพยาบาล รวมถึงการเพิ่มศักยภาพและความปลอดภัยในการทำงานให้กับทีมแพทย์ โดยมอบเงินจำนวน 2,170,000 บาทให้แก่มูลนิธิรามาธิบดี ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และกองทุนเทใจสู้โควิด19 เพื่อนำไปใช้ในการจัดหาเครื่องมือทางการแพทย์และอุปกรณ์ป้องกันเชื้อสำหรับหน่วยแพทย์

 

 

นอกจากนี้ยังเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถร่วมบริจาคกับมูลนิธิรามาธิบดีฯ ได้ทั้งบน Shopee และ Airpay เพื่อสนับสนุนให้ทีมแพทย์มีอุปกรณ์และเครื่องป้องกันการติดเชื้อสำหรับการช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 อีกด้วย

 

แม้ไม่มีใครรู้ว่าวิกฤตครั้งนี้จะจบลงตรงไหนหรือเมื่อไร แต่ที่พอจะบอกได้ในวันนี้คือสังคมไทยจะก้าวข้ามวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยการร่วมแรงร่วมใจจากทุกฝ่าย ซึ่ง Sea (ประเทศไทย) แสดงให้เห็นแล้วด้วยทางออกและวิธีที่หลากหลาย โดยจุดมุ่งหมายสูงสุดคือการหยุดการแพร่ระบาดด้วยการแบ่งเบาภาระให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการสามารถอยู่บ้านภายใต้มาตรการ Social Distancing อย่างง่ายดายมากขึ้น 

 

ที่สำคัญคือชีวิตหลังโควิด-19 ที่ช่องทางดิจิทัลจะมีบทบาทกับชีวิตผู้คนมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ จึงกลายเป็นทางเลือกและทางรอดของผู้คนทั้งในแง่การค้าขาย การใช้ชีวิต รวมถึงการทำงาน การใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มดิจิทัลเหล่านี้จึงเป็นโมเดลสำคัญที่จะตอบโจทย์ปัญหาของโลกในอนาคตต่อไป 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์