วานนี้ (21 พฤษภาคม) การแข่งขันกีฬาเซปักตะกร้อ มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม โดยมีการชิงชัย 2 เหรียญทองในประเภท 4 คน
เริ่มจากประเภท 4 คนชาย รอบชิงชนะเลิศ ทีมชาติไทยลงสนามพบกับอินโดนีเซีย โดยไทยส่ง ภูตะวัน โสภา, กฤษณพงศ์ นนทะโคตร, โทนี่ ถิ่นบางบน และ ราชัน วิพันธ์ ลงสนาม ซึ่งผลปรากฏว่าทีมทีมตะกร้อหนุ่มไทยที่มีความเฉียบขาดมากกว่าต้อนเอาชนะไปได้ 2-0 เซ็ต สกอร์ 21-12, 21-7 คว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ
ส่วนประเภท 4 คนหญิง รอบชิงชนะเลิศ ทีมตะกร้อสาวไทยดวลกับเวียดนาม เกมนี้ไทยส่ง มัสยา ดวงศรี เป็นตัวชง และมี ศศิวิมล จันทสิทธิ์, สมฤดี ปรือปรัก เป็นตัวฟาดคู่ และ วิภาดา จิตพรวน คุมหลังโดยมี แก้วใจ พุ่มสว่างแก้ว และ เฟื่องฟ้า ประพัศรางค์ เป็นสำรอง
ซึ่งแม้รูปเกมจะสูสี รวมถึงวันนี้มีแฟนกีฬาเวียดนามเข้าชมเต็มความจุของสนาม พร้อมกับเสียงเชียร์ตลอดการแข่งขัน
แต่เป็นฝั่งสาวไทยที่แน่นอนกว่า เอาชนะไปได้ 2-0 เซ็ต สกอร์ 21-18, 22-20 คว้าแชมป์ตะกร้อ 4 คนไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ และเป็นการกวาด 6 เหรียญทองจาก 6 ประเภทที่ส่งเข้าร่วมการแข่งขัน ยกเว้นเพียงประเภทคู่
โดยมี พรชัย เค้าแก้ว นักตะกร้อชายวัย 42 ปีที่ลงสนามซีเกมส์ และคว้าเพิ่มอีก 2 เหรียญทองในครั้งนี้ เพิ่มสถิติตนเองจาก 16 เหรียญทอง มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน เพิ่มเป็น 18 จากซีเกมส์ครั้งนี้ที่เวียดนาม ซึ่งตรงกับสังเวียนซีเกมส์ครั้งแรกของเขาที่ฮานอยเมื่อปี 2003
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ครั้งนี้อาจเป็นซีเกมส์ครั้งสุดท้ายของพรชัย แต่ล่าสุดหลังจบการแข่งขัน พรชัยได้ยืนยันกับ THE STANDARD ว่าตอนนี้อยู่ในช่วงท้ายของเขาในการลงเล่นให้กับทีมชาติในซีเกมส์จริง แต่ครั้งนี้อาจจะยังไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เพราะปีหน้าซีเกมส์ที่กัมพูชา เขาอาจจะกลับมาลงแข่งขันอีกครั้งหนึ่ง
แต่ก็ได้ขอบคุณทุกกำลังใจที่มอบให้เขาตลอดมา โดยตอนนี้มีเป้าหมายคือการส่งต่อความรู้และประสบการณ์ไปสู่นักกีฬารุ่นต่อไป และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในนามทีมชาติให้ได้มากที่สุด ก่อนวางมือจากการแข่งขันซีเกมส์อย่างเป็นทางการ