‘SCGP’ เปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 5.71% นักวิเคราะห์แนะจับตา Fast Track เข้า SET50 หนุนราคาไปต่อ ประเมินราคาหุ้นปีหน้า 41 บาท
บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันแรก 22 ตุลาคม 2563 ราคาหุ้นเปิดการซื้อขายที่ 37 บาท สูงกว่าราคาจองซื้อที่ 35 บาท คิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.71% และราคาสูงสุดในการซื้อขายรอบเช้าอยู่ที่ 37.25 บาท
บล.หยวนต้า ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่า กองทุน Passive Fund ปรับพอร์ตใหม่ เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นเข้าคำนวณใน SET50 ซึ่งน่าจะมี SCGP, BAM, DELTA, COM7 ส่วน SET100 คาดว่าเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้น DCC และ JMART
ทั้งนี้คาดว่าการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรกของ SCGP วันนี้จะกดดันหุ้นขนาดใหญ่และกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันกับ SCGP ในช่วงสั้น
มณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยที่ต้องติดตามสำหรับหุ้น SCGP คือการเป็นหุ้น IPO ขนาดใหญ่ ซึ่งเมื่อเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว น่าจะถูกนำเข้าคำนวณ SET50 ได้อัตโนมัติ ซึ่งจะกลายเป็นหุ้นที่นักลงทุนสถาบันที่ลงทุนตาม Benchmark เข้าลงทุนเพื่อ Rebalance Port
เป้าราคาปีหน้า 41 บาท
บล.เอเซีย พลัส ระบุผ่านวิเคราะห์ว่า ฝ่ายวิจัยทำ Fair Value ปี 2564 ไว้ที่ 41 บาท ทั้งนี้การเข้ามาของ SCGP น่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่จะเข้าคำนวณ SET50 Index แบบ Fast Track ซึ่งน่าจะทำให้เห็นการปรับน้ำหนักการลงทุนของนักลงทุนสถาบัน โดยระยะสั้นยังอาจทำให้เห็นการปรับฐานของ SET50 ลงมาได้อีกเล็กน้อย
ด้าน บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า หุ้น SCGP มีความน่าสนใจ เพราะคาดธุรกิจและกำไรในปี 2564 ฟื้นตัวจากฐานปีนี้ต่ำจากผลกระทบโควิด-19 และประเมินว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว จากความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นตามกระแสอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงความต้องการบรรจุภัณฑ์รวมที่ขยายตัวตามเศรษฐกิจ โอกาสขยายตัวที่มีอีกมากของความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกในภูมิภาคอาเซียน
นอกจากนี้การเพิ่มประสิทธิภาพหลังควบรวมบริษัท Fajar และ Visy Packaging Thailand คาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากสัดส่วนรายได้จากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจรที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น และดอกเบี้ยจ่ายที่จะลดลงจากการใช้คืนเงินกู้หลังจากได้รับเงินจาก IPO
เตรียมทบทวนแผนการบริหารงานรับแผนเติบโต
กุลเชฏฐ์ ธาราจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน SCGP เปิดเผยว่า การปรับตัวของราคาหุ้น SCGP หลังจากเข้าซื้อขายวันแรกถือว่าค่อนข้างน่าพอใจ ซึ่งบริษัทต้องการให้ราคาหุ้นปรับตัวอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในภาวะตลาดที่ผันผวนเช่นนี้ สำหรับการระดมทุนในครั้งนี้ หากรวมกับหุ้นส่วนเกินที่อาจจะมีการจัดสรรเพิ่มเติม จะช่วยให้บริษัทได้เงินระดมทุนทั้งหมด 4.5 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันบริษัทได้ใช้เงินระดมทุนไปแล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท สำหรับการปรับโครงสร้างเรื่องหนี้
ทั้งนี้หนี้สินของ SCGP ในก่อนหน้านี้มีอยู่กว่า 5 หมื่นล้านบาท หลังจากที่ชำระคืนหนี้ไปแล้วจะทำให้อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (Interest Bearing Debt) ต่อทุน (Equity) ลดลงมาเหลือ 0.5 เท่า จาก 0.9 เท่า โดยต้นทุนการเงินของบริษัทในปัจจุบันอยู่ต่ำกว่าระดับ 2%
ภายหลังการเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ คณะกรรมการบริหารของ SCGP จะมีการทบทวนนโยบายการบริหารจัดการในด้านต่างๆ เพิ่มเติม โดยหลักได้แก่ การวางนโยบายเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ซึ่งในอดีตก่อนจะเข้าระดมทุนและปรับโมเดลธุรกิจ บริษัทเติบโตเฉลี่ย 6-7% หลังจากนี้จะมีการวางแผนอีกครั้งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการเป็นผู้นำธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจรของอาเซียน
ถัดมาคือการวางนโยบายในเรื่องของโครงสร้างเงินทุน ระหว่างเงินจากส่วนผู้ถือหุ้นและเงินจากการกู้ยืม รวมถึงการบริหารจัดการในด้านกำไรสะสม ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 4.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งสะสมมาระหว่างการดำเนินธุรกิจมา 40 ปี
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
