การสร้างองค์กรให้ดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถนับเป็นความฝันของทุกธุรกิจ แต่การทำให้สำเร็จเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง หากจะถามถึงต้นแบบขององค์กรไทยที่เป็นผู้นำในด้านการสร้างและดึงดูดพนักงานระดับหัวกะทิ ไม่เอ่ยถึง SCG คงไม่ได้
ล่าสุด SCG ขึ้นแท่น Top 3 ขององค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุดในปี 2023 สำหรับความสำเร็จนี้ หลายคนคงอยากรู้ว่า SCG ทำได้อย่างไร? อะไรคือกลยุทธ์ในการบริหารพนักงานยุคใหม่ให้อยู่หมัด? THE STANDARD ลงพื้นที่ในงาน SCG Young Talent Program 2024 เพื่อพูดคุยกับ 3 ทัพหน้าแห่งหน่วยงานดิจิทัล
จิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ Chief SCG Digital Officer, ธนุส ผะอบแสง Senior Associate Director – Professional Services, SCG Digital Office และ พิลาสินี ลาลิน Senior Associate Director – Resource Management & Service Excellences, SCG Digital Office
พร้อมถอดเคล็ดลับเด็ดๆ มาเผยให้ผู้ประกอบการ ตลอดจนธุรกิจไทยที่กำลังเผชิญโจทย์ท้าทายในด้านการเฟ้นหาและสร้าง Talent ที่จะมาขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต โต้คลื่นความผันผวนเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต
“การเปิดพื้นที่และโอกาสให้คนรุ่นใหม่ พนักงานที่มีความคิดริเริ่มใหม่ๆ คือสิ่งที่ขับเคลื่อน SCG มาสู่ความสำเร็จในวันนี้” จิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ Chief SCG Digital Officer กล่าว
SCG Young Talent Program 2024 โครงการประลองไอเดียและเปิดโอกาสให้ Talent รุ่นใหม่ได้เข้ามาฝึกงานใน SCG ซึ่งจัดต่อเนื่องมาสู่ปีที่ 4 ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของการเฟ้นหาคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพและมี DNA ของความเป็นนวัตกรที่จะขับเคลื่อนธุรกิจ SCG ตลอดจนสร้างศักยภาพของประเทศไทยไปสู่อนาคต
โครงการนี้เปิดกว้างให้นิสิตและนักศึกษาทุกมหาวิทยาลัย ทุกชั้นปี ไม่จำกัดคณะทั้งในและนอกประเทศได้เข้าร่วม โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะต้องเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งพวกเขาจะได้มาเรียนรู้ผ่านการฝึกทำงานจริงกับทาง SCG เป็นเวลา 13 สัปดาห์ เพื่อปูทางไปสู่การร่วมงานกับ SCG ต่อในอนาคต
SCG Young Talent Program แบ่งเป็น 3 เฟสหลัก
เฟส 1: Bootcamp + SCG Campus Touring วันที่ 1-4 เมษายน 2024
เฟส 2: Hell Day (Hackathon 24 ชั่วโมง) วันที่ 10-11 เมษายน 2024
เฟส 3: Hell Weeks วันที่ 13 พฤษภาคม – 9 สิงหาคม 2024
SCG Young Talent Program โครงการเฟ้นหา Talent รุ่นใหม่
ธนุสย้อนเล่าถึงที่มาของโครงการที่เกิดจากความต้องการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในธุรกิจ
“SCG จึงริเริ่มเปิดรับไอเดียจากคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดให้น้องๆ ที่กำลังจะเติบโตสู่โลกการทำงานในอนาคตได้สัมผัสกับการทำงานแบบมืออาชีพ ล้มลุกเรียนรู้จากพื้นที่ที่เปิดกว้างให้กับไอเดียและ Passion ของพวกเขา”
ณ วันที่เราพูดคุยกันคือวันของการ Hackathon ที่น้องๆ จะมีเวลา 24 ชั่วโมงในการระดมสมองสร้างโมเดลธุรกิจเพื่อ Pitching กับพี่ๆ ที่เป็นตัวแทนจากแผนกต่างๆ ในองค์กร SCG บรรยากาศในวันนี้จึงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและพลังที่ทุกคนใส่มาอย่างเต็มเปี่ยม
พิลาสินีเอ่ยถึงเรื่องที่ทำให้เธอชื่นใจ “น้องคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า การได้เข้ามาฝึกงานกับ SCG ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในชีวิตของคนรุ่นเขา หลายคนไม่ได้เพิ่งสมัครเข้ามาในปีนี้ แต่เลือกที่จะสมัครเข้ามาตั้งแต่ปีก่อนๆ แล้ว และก็ยังอยากกลับมาอีก เพราะหวังว่าจะได้พัฒนาศักยภาพตัวเองจนสามารถเข้ารอบที่ลึกขึ้นเรื่อยๆ”
สำหรับจิรพัฒน์ โมเมนต์ที่สร้างความประทับใจและทำให้เห็นจุดแข็งร่วมกันของเด็กๆ รุ่นนี้คือ “ในกิจกรรม Hackathon ทุกทีมมีเวลาเพียง 24 ชั่วโมง แต่ทุกคนช่วยกันระดมไอเดียด้วยพลังอันล้นเหลือ และมีทักษะในการร่วมมือที่ดีมากๆ ตอนออกมาพรีเซนต์ก็แรงดีไม่มีตก นอกจากนี้ การได้ใกล้ชิดกับน้องๆ ทำให้ผมได้เห็นคุณสมบัติที่พวกเขามีร่วมกันก็คือ ความกล้าในการท้าทายกรอบคิดแบบเดิมๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่โลกการทำงานในอนาคตต้องการ”
Young Talent เก่งอย่างเดียวไม่พอ
เมื่อถามว่า ความเป็นนวัตกร หรือ Young Talent ในนิยามของ SCG คืออะไร? ธนุสมองว่า คือคนที่มีทักษะในการปรับตัวเพื่อรับความเปลี่ยนแปลง (Adaptability)
“ในยุคที่ความรู้มีอยู่ท่วมท้นโลกอินเทอร์เน็ต นิยามของ Talent จึงไม่ใช่คนที่เรียนเก่งหรือมีความสามารถในการท่องจำตามตำรา แต่คือคนที่มีความสามารถในการตั้งรับปรับตัวกับความผันผวนเปลี่ยนแปลง อยู่กับโลกที่โกลาหลพร้อมจะผันผวนตลอดเวลาได้ ถ้าจะให้คำแนะนำกับน้องๆ ก็คือ ลองเปิดใจพร้อมเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ อย่าเป็นน้ำเต็มแก้ว”
“ถ้าเอ่ยในมุมของทาเลนต์ที่จะตอบโจทย์กับองค์กร SCG เลยก็คือ ต้องเป็นคนที่มีทั้งความเป็นผู้นำและมี Mindset แห่งการเป็นผู้ประกอบการ” จิรพัฒน์กล่าวเสริม
“ถึงแม้ SCG จะริเริ่มจากธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง แต่สิ่งที่เราไม่เคยหยุดมองหาก็คือโอกาสในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นธุรกิจใหญ่โต ขอแค่มีไอเดียที่ดีเราก็พร้อมที่จะเปิดโอกาสให้พนักงานได้ทดลองและเรียนรู้ไปกับมัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราสนใจคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถในการนำทีม พร้อมๆ กับมีทักษะผู้ประกอบการ”
‘วัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง’ คีย์หลักของความสำเร็จ
วาระที่ SCG ติดอันดับ 1 ใน 3 ขององค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุดในปี 2023 ถือเป็นอีกหมุดหมายแห่งความสำเร็จที่ทุกคนในองค์กรล้วนภาคภูมิใจ
ย้อนมองกลับไป พิลาสินีเห็นว่าความสำเร็จนี้เกิดมาจากการสร้างวัฒนธรรมให้กลายเป็นองค์กรที่เปิดประตูสู่ทุกโอกาสและความเป็นไปได้ (Organization of Possibilities)
“พนักงานทุกคนมีโอกาสอย่างเท่าเทียมกันในการปลดปล่อยศักยภาพของตัวเองในพื้นที่ที่เปิดกว้าง ไม่ว่าจะเป็นการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ทดลองในโปรเจกต์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ของการพาองค์กรไปข้างหน้า วิสัยทัศน์ที่เปิดกว้างนี้ทำให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุข ทั้งยังดึงดูดให้คนภายนอกอยากมาร่วมงานกับเราด้วย”
“แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ต้องผ่านการ Transform ในหลายมิติ โดยเฉพาะการสร้าง Mindset ตลอดจนให้เครื่องมือใหม่ๆ กับพี่ๆ พนักงานในระดับ Top Management และ Middle Management” จิรพัฒน์กล่าวเสริม
ในยุคที่ทุกองค์กรต่างจับตาการมาถึงของปัญญาประดิษฐ์ SCG มีคำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการไทยอย่างไร?
จิรพัฒน์เผยว่า “เรื่องการพัฒนา AI เพื่อหาน่านน้ำใหม่ๆ ให้กับธุรกิจเป็นสิ่งที่องค์กรเราให้ความสำคัญมาตลอด ตั้งแต่ช่วงที่คนยังไม่ได้ตื่นตัวมากเท่าวันนี้ด้วยซ้ำ โดยเฉพาะในแผนกดิจิทัล เรามีแล็บที่ศึกษาและพัฒนาความสามารถด้าน AI อยู่หลายแล็บ โดยเฉพาะเรื่องของ Natural Language Processing (NLP) และ Data ซึ่งนำมาใช้กับธุรกิจตลอดจนสร้างความสามารถใหม่ๆ ให้กับองค์กร”
“ถามว่า AI จะมาแทนที่มนุษย์อย่างที่หลายคนหวาดกลัวหรือเปล่า สิ่งนี้คงต้องจับตามองกันในระยะยาว แต่ ณ วันนี้สิ่งที่ทุกองค์กรทำได้ก็คือ ส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกของ AI พร้อมๆ กับสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจว่า โจทย์ที่กำลังท้าทายธุรกิจในอุตสาหกรรมของเราคืออะไร และอะไรคือสิ่งที่จะทำให้คู่แข่งที่อาจจะไม่ได้อยู่ร่วมอุตสาหกรรมเดียวกันสามารถก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งรายสำคัญได้ ถ้าเข้าใจบริบทเหล่านี้ ทุกคนจะรู้ว่าเขาสามารถพัฒนาทักษะความสามารถของตัวเองอย่างไรเพื่อพาองค์กรเติบโตไปข้างหน้า” จิรพัฒน์ทิ้งท้าย
สำหรับน้องๆ ที่ผ่านวัน Hackathon จะได้โอกาสร่วมฝึกงานจริงกับทาง SCG ผ่านการแนะนำจากพี่ๆ ที่มีประสบการณ์จริงด้าน Design, Business, Technology และ ESG 4 Plus & Net Zero ซึ่งเป็นเสาหลักในการทำนวัตกรรม ตลอดจนสร้าง Mindset ของการร่วมทำงานกับเพื่อนต่างคณะต่างมหาวิทยาลัย ที่สำคัญคือเป็นหนทางไปสู่การร่วมงานกับทาง SCG ในอนาคต
นิสิต-นักศึกษาที่อยากมาลองเรียนรู้ผ่านการฝึกงานกับหนึ่งในองค์กรไทยที่แข็งแกร่งที่สุด สามารถติดตามโครงการที่จะเกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2025 ส่วนองค์กรหรือธุรกิจที่กำลังมองหาไอเดียโมเดลธุรกิจใหม่ๆ บทเรียนจากเอสซีจีน่าจะทำให้เห็นว่าการจะดึงดูด Talent หรือพนักงานเก่งๆ มาสู่องค์กรต้องริเริ่มจากการเปิดกว้างให้ทุกๆ ไอเดียได้ฉายแสง เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงศักยภาพของตัวเองออกมา