วันนี้แนวคิด ESG (Environment, Social, Governance) คือเมกะเทรนด์ที่ทุกบริษัทควรให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจแล้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องด้วยโลกที่เราอยู่กำลังเผชิญกับปัญหารอบด้าน ทั้งสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรง (Climate Crisis), ทรัพยากรเสี่ยงขาดแคลน (Loss of Nature) รวมถึงสังคมเกิดความเหลื่อมล้ำ (Social Inequality) ดังนั้นการนำแนวคิด ESG มาปรับใช้จึงเป็นสิ่งที่ทุกบริษัททั่วโลกกำลังกระโดดเข้ามาช่วยผลักดัน เพราะไม่เพียงแต่จะสร้างความยั่งยืนและสร้างการเติบโตในระยะยาวให้กับธุรกิจ แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่กลุ่มนักลงทุนทั่วโลกนำมาประกอบการพิจารณาการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ จึงไม่แปลกที่เหล่าบริษัทชั้นนำต่างยกให้ ESG เป็นฮีโร่กู้โลก
ปัจจุบันมีหลายบริษัทชั้นนำในไทยได้เริ่มนำแนวคิด ESG มาปรับใช้กันแทบทุกบริษัท หนึ่งในนั้นคือ SCG ที่ประกาศยกระดับเดินหน้าธุรกิจ จากการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) สู่แนวทาง ESG 4 Plus ตั้งแต่ปลายปี 2021 ประกอบด้วย 1. มุ่ง Net Zero 2. Go Green 3. Lean เหลื่อมล้ำ 4. ย้ำร่วมมือ Plus เป็นธรรม โปร่งใส
เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา SCG ได้จัดงาน SCG: The Next Chapter Exposition เพื่อตอกย้ำเป้าหมายที่เคยวางไว้ โดยในงานมีเวทีพูดคุย Talk on Stage เพื่อให้ความรู้ที่หลากหลาย รวมถึงนำนวัตกรรมและโซลูชันแห่งอนาคตที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายและรักษ์โลกไปพร้อมกัน
บนเวทีหัวข้อ ‘ESG: เคล็ดลับยกระดับธุรกิจสู่เวทีโลก’ ที่มี ณัฐวุฒิ อินทรส Sustainable Development SCG และ ณรงค์พันธ์ ลีสหะปัญญา Director-Investor Relations and Strategic Planning SCG มาร่วมให้ความรู้ และถ่ายทอดเทรนด์ ESG จากสายตาบริษัททั่วโลก
หากเรามองสะท้อนไปยังการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP) งานที่ถกหาหนทางช่วยแก้ปัญหาให้กับโลกอย่างจริงจัง แม้จะมีการจัดมาแล้วกว่า 20 ครั้ง แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตามที่ผู้คนคาดหวัง จนในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยเฉพาะใน COP26 และ COP27 ดูเหมือนจะมีความหวังขึ้นด้วยการนำแนวคิด ESG มาพูดคุย เพราะ ESG ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวให้กับธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในฐานะพลเมืองที่ดีได้ลุกขึ้นมาร่วมมือกันแก้ไขวิกฤตต่างๆ โดยเฉพาะภาวะโลกร้อนที่ทำให้ทุกบริษัททั่วโลกต้องเรียนรู้ว่าจะอยู่กับปัญหาได้อย่างไร ดังนั้นการปรับตัวจึงเป็นคำตอบที่ทุกคนมองเห็นตรงกัน
เช่นเดียวกับกลุ่มนักลงทุน เมื่อโลกเผชิญกับปัญหา การลงทุนในสินทรัพย์ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดูจะยั่งยืนในระยะยาว จึงไม่แปลกนักที่การลงทุนใน ESG จะได้รับความนิยมและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย ณรงค์พันธ์ ลีสหะปัญญา Director-Investor Relations and Strategic Planning SCG เผยการคาดการณ์ว่าภายในปี 2026 จะมีเม็ดเงินการลงทุนในบริษัทที่ใช้ ESG เพิ่มขึ้นมา 30%
อย่างไรก็ดี แม้วันนี้หลายบริษัทจะเริ่มนำมาปรับใช้เป็นที่แพร่หลายมากขึ้น แต่สิ่งที่จะดึงดูดนักลงทุนให้กับบริษัทนั้นๆ ได้ในระยะยาวคือการลงมือทำ ไม่ว่าจะผ่านนโยบายหรือผลิตภัณฑ์ที่ออกมา
วันนี้ SCG ได้ขยายธุรกิจใหม่จากที่ประกาศไปเมื่อปลายปี 2021 โดยมุ่งพัฒนานวัตกรรมโซลูชันแห่งอนาคตให้ตรงกับความต้องการใหม่ๆ ให้ผู้บริโภคได้ใช้ชีวิตอย่างประหยัด ปลอดภัย สะดวก รักษ์โลก ประกอบด้วย พลังงานสะอาดครบวงจร สุขภาพและการแพทย์ ดิจิทัลโลจิสติกส์ นวัตกรรมกรีน สมาร์ทลิฟวิ่ง และหุ่นยนต์อัจฉริยะ ตอบสนองความต้องการของตลาดอาเซียนและโลกในอนาคต พร้อมเดินหน้าขยายโครงการลงทุนทั่วโลกด้วยงบลงทุน 1 แสนล้านบาท ภายใน 5 ปี
พลังงานสะอาดครบวงจร (Energy Transition Solutions) ทุกคนเข้าถึงพลังงานสะอาดได้สะดวก คุ้มค่า รักษ์โลกด้วยโซลูชันพลังงานสะอาดครบวงจร
- พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) สำหรับกลุ่มที่อยู่อาศัย SCG Solar Roof Solutions สำหรับโรงงานและนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มอาคารขนาดใหญ่ กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มโรงแรม และห้างสรรพสินค้า ด้วยโซลูชันพลังงานสะอาดครบวงจร ในรูปแบบ Smart Grid Smart Platform เครือข่ายอัจฉริยะจัดการซื้อขายพลังงานสะอาดได้สะดวกและคุ้มค่า ปัจจุบันมีกำลังการผลิตกว่า 195 เมกะวัตต์ พร้อมตั้งเป้า 3,000 เมกะวัตต์ ภายใน 5 ปี
- นวัตกรรมแบตเตอรี่กักเก็บความร้อนจากพลังงานแสงอาทิตย์ประสิทธิภาพสูง (Heat Battery) พัฒนานวัตกรรม Heat Battery หรือ Thermal Energy Storage ประสิทธิภาพสูง สามารถเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าที่ได้จาก Solar เป็นพลังงานความร้อน กักเก็บความร้อนไว้ใช้ในช่วงที่ไม่มีแสงแดด เพื่อให้โรงงานมีพลังงานไว้ใช้ ป้องกันปัญหาพลังงานขาดแคลน
- มุ่งพัฒนาพลังงานชีวมวลคุณภาพสูง (Biomass และ Biocoal) จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร และเชื้อเพลิงจากขยะ (Refuse Derived Fuel: RDF) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนในโรงงานซีเมนต์ มุ่งสู่ Net Zero นอกจากนี้ ยังพัฒนาเม็ดพลังงานชีวมวลอัดเม็ด (Wood Pellet) เพื่อสร้างโอกาสให้ไทยเป็นผู้ส่งออกเชื้อเพลิงสะอาดภายในปี 2027
- โซลูชันด้านยานยนต์ไฟฟ้า (EV Solution Platform) ได้แก่
- อะเซทิลีนแบล็ก (Acetylene Black) ใช้เป็นส่วนประกอบในแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบชาร์จไฟสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และเป็นวัสดุผลิตสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ผลิตไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง โดย SCGC ร่วมทุนกับบริษัท Denka ประเทศญี่ปุ่น
- EV Fleet Solution ให้บริการครบวงจร ตั้งแต่การจัดหายานยนต์ไฟฟ้า ประกันภัย ซ่อมบำรุง สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงให้บริการรูปแบบการเช่า ขนส่งสินค้า และรับ-ส่งพนักงาน ทั้งนี้ เพื่อรองรับการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ
โดยปี 2022 ตั้งเป้าส่งมอบรถ EV จำนวน 492 คัน สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 6,400 ตัน และในปี 2023 ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นเป็น 9,600 ตันต่อปี
โซลูชันสุขภาพและการแพทย์ (Health and Medical Solutions) ตอบโจทย์เทรนด์ดูแลสุขภาพและสังคมผู้สูงอายุ
- ขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical Supplies and Labware) กว่า 15,000 รายการ โดย SCGP เข้าถือหุ้น Deltalab ประเทศสเปน เช่น DeltaSwab ที่เก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจจากร่างกาย และ CryoInstant หลอดน้ำยาสำหรับเก็บรักษาตัวอย่างเชื้อด้วยความเย็น
- เม็ดพลาสติกเพื่อการแพทย์ SCGC™ PP และ PVC สำหรับผลิตอุปกรณ์การแพทย์และเภสัชกรรม เช่น กระบอกเข็มฉีดยา สายและถุงน้ำเกลือ ถุงเลือด รวมถึงโซลูชันเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย เช่น รถเข็นจ่ายยาอัจฉริยะ ถังทิ้งเข็มฉีดยา รถเข็นผู้ป่วย แคปซูลขนส่งผู้ป่วยทางอากาศ และหน้ากากอนามัยภายใต้แบรนด์ VAROGARD
ดิจิทัลโลจิสติกส์ครบวงจร (Digital Logistics) บริการขนส่งและซัพพลายเชนครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดย SCGJWD ให้บริการทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ขนส่งหลากหลายทั้งทางบก เรือ ราง อากาศ รองรับสินค้าที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เช่น วัคซีน ยา งานศิลปะมูลค่าสูง รถยนต์ อาหารแช่แข็ง สินค้าอันตราย พร้อมเครือข่ายครอบคลุมทั่วอาเซียนและจีน
นวัตกรรมกรีน (Green Solutions) ลดการใช้ทรัพยากร ส่งเสริมให้ผู้บริโภคหันมาใช้ผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ภายใต้ฉลาก SCG Green Choice จำนวน 232 รายการ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายจากร้อยละ 50 เป็นร้อยละ 67 ภายในปี 2030
- เทคโนโลยีก่อสร้างครบวงจรเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม CPAC Green Solution ยกระดับวงการก่อสร้าง สร้างเสร็จไว ลดวัสดุเหลือทิ้ง ประหยัดต้นทุนแรงงาน เช่น CPAC Drone Solution, CPAC BIM, CPAC 3D Printing และ CPAC Bridge Solution ตั้งเป้าเติบโต 30% ในปี 2023
- นวัตกรรมพลาสติกเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม SCGC GREEN POLYMER ทั้ง 4 โซลูชัน ได้แก่ ลดการใช้ทรัพยากร ออกแบบให้รีไซเคิลได้ นำมาหมุนเวียนใช้ใหม่ และย่อยสลายได้ เช่น บรรจุภัณฑ์ของใช้ในบ้าน / เครื่องสำอาง แผ่นฟิล์มเคลือบบรรจุภัณฑ์อาหาร (LDPE Coating Film) EcoBioPlas นวัตกรรมเร่งการย่อยสลายของโพลีโพรพิลีน หรือ PP ช่วยกระตุ้นการย่อยสลายทางชีวภาพ แก้ปัญหาพลาสติกที่หลุดลอดไปสู่ธรรมชาติ
- SCGC ลงทุนใน KRAS Group ผู้นำด้านการจัดการวัสดุเหลือใช้ครบวงจรจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิล อีกทั้งลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับ Braskem ผู้นำด้านพลาสติกชีวภาพระดับโลกจากประเทศบราซิล เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพในไทย เพื่อผลิตเม็ดพลาสติกประเภทไบโอ-โพลีเอทิลีน (Bio-Based Polyethylene) หรือ Bio-PE
- นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์อาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น บรรจุภัณฑ์อาหาร Fest by SCGP และนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ถาดกระดาษสำหรับอาหารสดแช่เย็นที่นำไปรีไซเคิลได้ ช่วยรักษาความสด สะอาด ปลอดภัยของอาหาร รวมทั้งนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ OptiBreath® ที่เก็บและยืดอายุผักผลไม้ และลดปัญหาขยะอาหาร
สมาร์ทลิฟวิ่ง (Smart Living Solutions) โซลูชันเพื่อการใช้ชีวิตที่สะดวก สบาย สุขภาพดี ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ
- โซลูชันเพื่ออากาศสะอาดและประหยัดพลังงาน สำหรับกลุ่มอาคาร (Smart Building) ได้แก่ SCG Bi-ion และ SCG HVAC Air Scrubber ติดตั้งแล้วที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สถานที่จัดการประชุม APEC 2022 Thailand ห้างสรรพสินค้า เช่น เทอร์มินอล 21, เซ็นทรัล อยุธยา สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ และสถาบันการศึกษา เช่น วชิราวุธวิทยาลัย กลุ่มที่อยู่อาศัย บ้าน / คอนโด (Smart Home Solution) ได้แก่ SCG Active Air Quality และ SCG Active AIRflow™ System โซลูชันการถ่ายเทอากาศและระบายความร้อน โดยควบคุมผ่านเทคโนโลยีระบบ Trinity
- ระบบดูแลสุขภาพและความปลอดภัยด้วย DoCare เทคโนโลยีที่เชื่อมต่อบ้านกับโรงพยาบาล ส่งข้อมูล ติดตามอาการ-ปรึกษาแพทย์แบบเรียลไทม์ (Real Time) พร้อมระบบขอความช่วยเหลือ แจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุผิดปกติ เช่น หกล้ม
- ดิจิทัลเทคโนโลยี เพื่อความเป็นอยู่ให้ง่ายและสบายยิ่งขึ้น เช่น COTTO X ONE ก๊อกน้ำอัจฉริยะพูดได้ มีระบบสั่งการเปิด-ปิดด้วยเสียง ‘Voice Interface’ ประหยัดน้ำ และลดการสัมผัสที่เสี่ยงต่อเชื้อ และ BCI (Brain-Computer Interface) สำหรับผู้ป่วยอัมพาต ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดูแลสภาพการอยู่อาศัย และอุปกรณ์ต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง โดยสามารถติดต่อสื่อสารกับคนรอบข้างได้สะดวกขึ้น
หุ่นยนต์อัจฉริยะ (Artificial Intelligence Solutions) ลดต้นทุน เวลา แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีในกระบวนการผลิต
- Smart Farming ครบวงจรที่เติบโตในช่วงที่ผ่านมา 20% โดยสยามคูโบต้า ส่งเสริมเกษตรกร เพิ่มผลผลิต เพาะปลูกแม่นยำ ประหยัดต้นทุน ด้วยเทคโนโลยี IoT เช่น รถปลูกผักอัตโนมัติ แทรกเตอร์ไร้คนขับ ทั้งนี้ ยังมีแทรกเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสะอาด ชาร์จไฟได้รวดเร็ว ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
- เครื่องจักรกล-ออโตเมชั่น ให้บริการออกแบบ ผลิตเครื่องจักรกลให้โรงงานต่างๆ ที่มีความต้องการที่หลากหลาย ให้ใช้เทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI) และ Machine Learning ตั้งแต่กระบวนการผลิต ประกอบ บรรจุ ลำเลียง และระบบคลังสินค้า เช่น เครื่องจักรกลช่วยไลน์ประกอบรถยนต์ หุ่นยนต์ช่วยจัดเรียงสินค้า และเครื่องคัดแยกกุ้ง
ทั้งนี้ SCG ได้ขับเคลื่อนองค์กรตามแนวทาง ESG 4 Plus ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี (Governance) อย่างต่อเนื่อง ดำเนินทุกกิจกรรมอย่างเป็นธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ และยังเน้นการปลูกฝังไปยังพนักงาน ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นจนเป็นวัฒนธรรมองค์กร