เกิดอะไรขึ้น:
InnovestX Research ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 3Q66 ของ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลประกอบการวันที่ 26 ตุลาคม 2566
โดยคาดว่า SCC จะรายงานกำไรสุทธิ 3.8 พันล้านบาท ใน 3Q66 ลดลงอย่างมากจากที่มีกำไรสุทธิ 8.1 พันล้านบาทใน 2Q66 เนื่องจาก 2Q66 มีกำไรจากรายการพิเศษจำนวนมากถึง 2.8 พันล้านบาท (การปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในบริษัทย่อย)
ขณะที่คาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากสินค้าคงคลังจำนวน 1.0 พันล้านบาท หากตัดรายการพิเศษออก กำไรปกติ 3Q66 จะอยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท ลดลงจาก 2Q66 ที่ 5.2 พันล้านบาท ซึ่งกำไรปกติที่ลดลง QoQ จะสะท้อนถึง
- ส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่แคบลง (ส่วนต่างราคา HDPE อยู่ที่ 361 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันใน 3Q66 เทียบกับ 443 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันใน 2Q66 และส่วนต่าง PP อยู่ที่ 295 ดอลลาร์สหรัฐใน 3Q66 เทียบกับ 393 ดอลลาร์สหรัฐใน 2Q66) เพราะต้นทุนแนฟทาสูงขึ้น (เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ)
- กำไรจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่อ่อนตัวลง QoQ โดยคาดว่าจะลดลง 12.8%QoQ เพราะราคากระดาษบรรจุภัณฑ์ลดลง และมีการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่โรงงานผลิตเยื่อกระดาษ
กำไรของธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (CBM) คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น QoQ เพราะต้นทุนถ่านหินและค่าไฟฟ้าลดลง ในขณะที่บริษัทยังคงราคาขายเฉลี่ย (ASP) ปูนซีเมนต์ไว้ใน 3Q66 แต่จะถูกลดทอนลงบางส่วนโดยปริมาณการขายปูนซีเมนต์ที่ลดลงตามฤดูกาล
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น SCC ปรับลง 2.58%MoM อยู่ที่ระดับ 302.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 5.51%MoM อยู่ที่ระดับ 1,455.99 จุด
แนวโน้มผลประกอบการ 2566:
สำหรับกำไร 4Q66 คาดจะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ โดยมีสาเหตุมาจากส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและปริมาณการขายระดับต่ำตามฤดูกาลของธุรกิจเคมิคอลส์และธุรกิจซีเมนต์ แต่จะได้รับการชดเชยบางส่วนจากรายได้เงินปันผลจากบริษัทย่อยที่โดยปกติแล้วจะรับรู้ในไตรมาส 2 และ 4
ส่วนปี 2566 คาดว่ากำไรปกติจะลดลง 10.5% โดยมีสาเหตุมาจากส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์และปริมาณการขายที่ลดลง เพราะได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ รวมถึงต้นทุนพลังงานสูง
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
InnovestX Research ยังคงเรตติ้ง Outperform สำหรับ SCC ด้วยราคาเป้าหมาย 357 บาทต่อหุ้น ซึ่งปัจจุบัน Valuation น่าสนใจ หุ้นเนื่องจาก SCC เทรดที่ P/BV ปี 2566 เพียง 0.8 เท่า นอกจากนี้ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรในระยะกลางถึงระยะยาวของ SCC โดยได้รับการสนับสนุนจากกำลังการผลิตเพิ่มเติมที่โรงงาน LSP และส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่จะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีหน้า เนื่องจากอุปทานที่จะเติบโตลดลงในระยะ 5 ปีข้างหน้า (ปี 2567-2571: เพิ่มขึ้น 2.5%YoY เทียบกับเพิ่มขึ้น 5% ต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา)
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงอุปทานเพิ่มเติมจำนวนมากที่จะเข้าสู่ตลาด
