×

SCBAM มองเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณชะลอตัว ชี้ตลาดหุ้นเสี่ยงผันผวนจากหลายปัจจัยกดดัน แนะธีมลงทุนเน้นปัจจัยเชิงคุณภาพ

29.05.2023
  • LOADING...
เศรษฐกิจสหรัฐ

บลจ.ไทยพาณิชย์ ชี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเผชิญความท้าทาย ส่งสัญญาณชะลอตัว มีหลายปัจจัยกดดันทำตลาดหุ้นผันผวน จับตา Fed ประชุมดอกเบี้ย 13-14 มิถุนายนนี้ แนะนำกองทุน SCB Global Quality Equity รับมือความผันผวน 

 

ปิยะภัทร์ ภัทรภูวดล Director, ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ (SCBAM) เปิดเผยผ่านรายการ Morning Wealth ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในไตรมาส 2/23 ของสหรัฐฯ ประเมินว่ามีทั้งปัจจัยบวกและยังเผชิญปัจจัยท้าทายหลายประเด็น โดยปัจจัยบวกคือ ตัวเลข GDP ไตรมาส 1/23 ที่รายงานออกมาในรอบที่ 2 ของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยขยาย 1.3% จากรอบที่ 1 ที่รายงานออกมาขยายตัว 1.1% 

 

ขณะที่แนวโน้ม GDP ไตรมาส 2/23 ของสหรัฐฯ คาดการณ์ผ่าน GDP Now ประเมินว่าจะขยายตัว 6.9% จากไตรมาส 1/23 (QoQ) โดยจะยังไม่เห็นภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ดังนั้นความเสี่ยงที่หากจะเกิด Recession ขึ้นในสหรัฐฯ กรณีที่รวดเร็วที่สุดจะอยู่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลลงได้บ้างว่า  Recession จะเกิดช้ากว่าที่เคยคาดไว้

 

อย่างไรก็ดี มีตัวเลขดัชนีเศรษฐกิจของสหรัฐฯ บางตัวที่รายงานออกมาที่อ่อนแอในภาคการผลิต เช่น ดัชนี PMI รวมทั้งตัวเลขดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจ (Leading Economic Indicator: LEI) เริ่มเห็นการลดลงของตัวเลขอย่างต่อเนื่อง จึงมีโอกาสที่จะเห็น GDP ของสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวลงได้ในระยะถัดไป

 

สำหรับธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่จะมีการประชุมในวันที่ 13-14 มิถุนายนนี้ จะเป็นจุดสำคัญที่ต้องติดตามผลประชุมดอกเบี้ย รวมถึงการเปิดเผยรายงานมุมมองแนวโน้มดอกเบี้ยในระยะต่อไป หรือ Fed Dot Plot ด้วย หลังจากที่ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดเริ่มกลับมาให้น้ำหนักว่า Fed จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ หลังจากก่อนหน้านี้คาดว่าจะหยุดการขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ​ กลับมาเร่งตัวขึ้น รวมถึงปัญหาเพดานหนี้ (Debt Ceiling) ของสหรัฐฯ ที่สามารถเจรจาบรรลุข้อตกลงได้แล้ว ส่งผลให้การดำเนินนโยบายการเงินของ Fed ไม่จำเป็นต้องมีความระมัดระวังมากเท่ากับในช่วงที่ยังมีประเด็นปัญหา Debt Ceiling อยู่

 

ขณะที่ปัญหา Debt Ceiling ในสหรัฐฯ ถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมายาวนานและต่อเนื่อง แต่ที่ผ่านมายังสามารถบรรลุข้อตกลงได้ทุกครั้ง ทั้งนี้ ในช่วงที่มีการเจรจาอาจสร้างความกังวลและกดดันให้เกิดความผันผวนในตลาดหุ้นได้เช่นกัน 

 

ด้านภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 1/23 ที่ออกมาสัดส่วนประมาณ 90% ในดัชนี S&P500 ในส่วนของรายได้รวมมีการเติบโตขึ้นประมาณ 4.1% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/20 ขณะที่กำไรสุทธิออกมามีอัตราการเติบโตติดลบประมาณ  2.1% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการลดลงของกำไรสุทธิใน 2 ไตรมาสติดต่อกัน

 

อย่างไรก็ดี ตัวเลขกำไรของ บจ.ไตรมาส 1/23 ในดัชนี S&P 500 ที่ออกมาจริงมีสัดส่วน 76% ของบริษัทที่รายงานออกมามีรายได้ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อีกทั้งมีบริษัทสัดส่วนประมาณ 78% รายงานกำไรสุทธิออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

 

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนในช่วงนี้ ส่งผลกดดันให้เห็นภาพของความผันผวนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดังนั้นธีมการลงทุนแนะนำให้เน้นการให้ความสำคัญในปัจจัยเชิงคุณภาพ โดยพิจารณาการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีลักษณะดังนี้ 

 

  1. มีผลตอบต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่สูง 
  2. มีการเติบโตของผลประกอบการที่มั่นคง 
  3. มีอัตราการกู้ยืมที่ต่ำ (Low Leverage) 

 

โดยมีกองทุนแนะนำคือ SCB Global Quality Equity ซึ่งจะเข้าไปลงทุนในกองทุน iShares Edge MSCI World Quality Factor UCITS ETF ซึ่งจะเป็น ETF ที่ลงทุนใน Index ที่มีการคัดเลือกหุ้นที่เน้นจากปัจจัยเชิงคุณภาพดังกล่าวข้างต้น ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้ภาพการลงทุนสามารถทนแรงเสียดทานจากความไม่แน่นอนในช่วงนี้ได้ ขณะที่หุ้นที่ ETF มีการลงทุนในหุ้นที่มีความผสมผสานทั้งหุ้น TECH ขนาดใหญ่ เช่น Microsoft, Meta, Apple และ Google รวมทั้งหุ้นกลุ่มการเงิน, กลุ่มเฮลท์แคร์ และยังมีการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensive อื่นๆ เป็นทางเลือกการลงทุนในช่วงนี้

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising