ดร.ยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wealth พร้อมด้วย ลลิตภัทร ธรณวิกรัย รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Private Banking และ ศรชัย สุเนต์ตา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Office and Product และ SCB Chief Investment Office (SCB CIO) ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้รับ 3 รางวัลสุดยิ่งใหญ่บนเวทีระดับโลก ในงาน ‘2022 Asian Private Banker 12 th Award for Distinction’ ได้แก่ รางวัล Best Domestic Private Bank-Digital Innovation and Services, รางวัล Best Domestic Private Bank-CIO Office และรางวัล Best Domestic Private Bank-Discretionary Portfolio Management จัดโดย Asian Private Banker ซึ่งเป็นนิตยสารการเงินการลงทุนชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย เมื่อเร็วๆ นี้ ตอกย้ำความเป็นเลิศในทุกโซลูชันด้านการบริหารความมั่งคั่งของ SCB WEALTH
โดยทั้ง 3 รางวัลได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการ Asian Private Banker เนื่องจากความมุ่งมั่นและการทุ่มเทของทีม SCB WEALTH ในช่วงสถานการณ์โควิด ได้มีการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับวางแผนการลงทุน (Wealth Platform) หรือ wplan ที่สามารถจัดพอร์ตการลงทุนโดยเน้นกลยุทธ์การจัดสรรสินทรัพย์ลงทุนที่ออกแบบเป็นพิเศษเฉพาะลูกค้าแต่ละราย (Personalized Asset Allocation) ควบคู่ไปกับการนำแพลตฟอร์มเทคโนโลยีและดาต้า (Brain Capability) มาใช้วิเคราะห์ข้อมูลการลงทุนของลูกค้า ตลอดจนให้คำปรึกษาแบบ Hybrid Advisory โดยผ่านทีมที่ปรึกษาการลงทุนควบคู่กับ Wealth Platform เพื่อให้การจัดพอร์ตการลงทุนเป็นไปตามเป้าหมายของลูกค้าอย่างแท้จริง และขยายฐานการลงทุนผ่าน SCB Easy อีกด้วย เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกสินทรัพย์ลงทุนที่หลากหลายมากขึ้นแบบ Open Architecture ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของธนาคารในการวางเป้าหมายเป็น Digital Bank with Human Touch และยืนหนึ่งด้านการบริหารความมั่งคั่งผ่าน Digital Wealth
ทั้งนี้ ทีมที่ปรึกษาการลงทุนของ SCB และพันธมิตรทางธุรกิจ ได้ทำงานกันอย่างใกล้ชิดเพื่อเฟ้นหาและคัดกรองผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่ม Ultra High Net Worth Individual (UHNWI) อย่างแท้จริง โดยคณะกรรมการ Asian Private Banker เห็นศักยภาพและความเชี่ยวชาญอย่างมืออาชีพของทีม SCB CIO ในการบริหารพอร์ตกองทุน Alpha ที่จัดสรรสินทรัพย์ลงทุนออกแบบเป็นรายบุคคล โดยการคัดสรรหุ้นเพียง 7-15 หลักทรัพย์ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้อย่างมีเสถียรภาพให้กับลูกค้า
นอกจากนี้ มีการจัดพอร์ตที่ออกแบบเฉพาะรายบุคคล และมีการปรับสัดส่วนสินทรัพย์ลงทุนตามภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลาแบบทันท่วงทีในรูปแบบ DPM ซึ่ง SCB CIO มีการวางกลยุทธ์การจัดพอร์ตแบบ Strategic Asset Allocation (SAA) และ Tactical Asset Allocation (TAA) ให้เหมาะสมกับสถานการณ์การลงทุนที่เปลี่ยนไป โดยสร้างผลตอบแทนรวม 5 ปี (2016-2021) อยู่ที่ 41.07% ในขณะที่ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานอยู่ที่ 9.44%
นอกจากนี้ ได้มีการคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่สามารถกระจายความเสี่ยงได้ดี มีผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ ที่เหมาะกับแต่ละสภาวะการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ช่วยสร้างความสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุนของลูกค้าในช่วงที่ตลาดเกิดความกังวลจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ในขณะที่ Fed มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อสกัดปัญหาเงินเฟ้อ เช่น การลงทุนใน Private Equity, Private Debt, หุ้นกู้อนุพันธ์แฝงที่อิงกับสินทรัพย์ประเภทต่างๆ (Structure Note) เช่น KIKO และ Shark Fin และการลงทุนผ่านสินเชื่อประเภท Property Backed Loan และ Lombard Loan เป็นต้น พร้อมทั้งส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ผ่านกองทุน ESG โดยมีเครดิตเรตติ้งในด้าน Sustainability ระดับ 4-5 ดาว จาก Morningstar มาอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้ธนาคารมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (AUM)กองทุน ESG อันดับ 1 ของอุตสาหกรรม และมีมากกว่า 80 กองทุนให้ลูกค้าได้เลือกลงทุนตามความเหมาะสม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- SCB EIC ชี้ธุรกิจขนาดเล็กในไทยยังฟื้นจากโควิดช้าและไม่เท่าเทียม แนะรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ-ช่วยเหลือต้นทุนผู้ประกอบการ
- SCBX เร่งเครื่องขยายธุรกิจตามยุทธศาสตร์ หลังผู้ถือหุ้นไฟเขียวออกหุ้นกู้ 1 แสนล้านบาท ตั้งเป้าเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีการเงินระดับภูมิภาค
- SCB CIO หนุนลูกค้าเวลธ์ลงทุนตราสารหนี้เทอมฟันด์ โอกาสรับผลตอบแทนจูงใจช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ชู 1 ปี 1.75%