‘แบ่งพื้นที่บ้านให้ใหญ่ขึ้น’ การออกแบบบ้านแนวใหม่ให้ครอบครัวที่เล็กลงจาก SC ASSET [Advertorial]

     ไม่ใช่แค่เรื่องทำเลเท่านั้นที่สำคัญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะสิ่งที่จะโดนใจคนอยู่มากกว่าคือ ‘การออกแบบ’ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ SC ASSET คิดใหม่เสมอ เพราะพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของคนเปลี่ยนไปทุกวัน เราจึงชวนไปพูดคุยกับ แบงค์-กานดิศักดิ์ รื่นใจชน หัวเรือใหญ่จาก Product Design & Innovation Low Rise แห่ง SC ASSET ที่จะเล่าวิธีคิดและวิธีการออกแบบบ้านให้ตรงใจคนยุคนี้มากที่สุด

การออกแบบที่อยู่อาศัยของ SC ASSET มีคอนเซปต์อย่างไรบ้าง

     ที่ผ่านมา SC ASSET จะมีแนวคิดเรื่องการออกแบบเป็นของตัวเอง คือเราจะปรับเปลี่ยนการออกแบบตลอดทุกโครงการ ไม่ใช่เพื่อความแตกต่าง แต่เป็นการสร้างคุณภาพของที่อยู่อาศัยให้มากกว่าเดิม เพราะบางครั้งการพัฒนาคุณภาพอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของตลาดก็ได้ ที่สำคัญเราต้องหาความต้องการของลูกค้าให้ได้ว่าเขาอยากได้อะไร ซึ่งวิธีคิดเหล่านี้เราจะเรียกว่า Human-centric

วิธีคิดในการออกแบบของคุณเป็นอย่างไร

     หลังจากที่ออกแบบพื้นที่เพื่อคนส่วนมากแล้ว เราก็ดูต่อว่ามีคนกลุ่มไหนยังมีช่องว่างที่เราสามารถออกแบบให้เขาได้ เช่น กลุ่ม Elder Care ก็มาจากข้อมูลฝ่ายการตลาดว่าทุกวันนี้คนที่อยู่บ้านหรือซื้อบ้านต้องการห้องนอนข้างล่างเพื่อให้พ่อแม่มาอยู่ด้วย ซึ่งเราออกแบบให้มากกว่านั้น คือออกแบบเพื่อผู้สูงอายุด้วย เช่น ทำพื้นทางเข้าที่ไม่มีบันได ห้องน้ำกว้างกว่าปกติ มีราวจับ ฯลฯ

“พฤติกรรมของคนวันนี้มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น เพราะช่วงวัยที่โตมาในสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน ดังนั้นการออกแบบก็เปลี่ยนไป”

ถ้าสังเกตจากคนที่อยู่อาศัย ทุกวันนี้เทรนด์หรือพฤติกรรมของคนเป็นอย่างไรบ้าง

     พฤติกรรมคนวันนี้มีความหลากหลายและซับซ้อน มันเกิดขึ้นเพราะช่วงวัยที่โตมาในสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน ทั้งเทคโนโลยี สภาพเศรษฐกิจ สังคม การใช้ชีวิต สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทำให้ผู้อยู่อาศัยที่มาเลือกซื้อบ้านทุกวันนี้มีความต้องการเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เพราะฉะนั้นการออกแบบก็ไม่สามารถออกแบบอย่างหนึ่งให้ทุกคนชอบใจได้ กลุ่มคนที่ซื้อบ้านทุกวันนี้ ถ้าเป็นกลุ่มคนที่สร้างครอบครัวจะสังเกตเห็นเลยว่าครอบครัวจะมีขนาดเล็กลง อาจจะมีแค่สมาชิกในครอบครัวเพียงแค่พ่อ แม่ และลูก 1 คนเท่านั้นเอง

ด้วยขนาดครอบครัวที่เล็กลง มีวิธีคิดออกแบบบ้านเพื่อคนกลุ่มนี้อย่างไร

     มันเริ่มจากทีมการตลาดเห็นประวัติของลูกค้าที่ซื้อว่าผู้ซื้อกลุ่มนี้มีขนาดเล็กลง ทางทีมการตลาดก็ให้โจทย์ทีมผมว่าให้ลองทำบ้านคนโสด ซึ่งพอเอามาตั้งเป็นโจทย์แล้วมันแคบไป เพราะมันจะตอบคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น เราก็เริ่มหารีเสิร์ชทางอินเทอร์เน็ต ถามข้อมูลการรีเสิร์ชที่ทีมมี เริ่มโฟกัสแต่ละกลุ่มเพื่อถามคนว่าการไม่ได้อยู่เป็นครอบครัวใหญ่แล้วจะมีใครมาอยู่ในบ้านบ้าง สิ่งที่เจอคือเจอคน 4 กลุ่มย่อยจากรีเสิร์ชเลย กลุ่มแรก Double Income No Kid คือแต่งงานกัน แต่ไม่มีลูก จะเป็นชาย-ชาย หรือหญิง-หญิงก็ได้ กลุ่มสอง Single Income No Kid อันนี้คือโสดของแท้ ที่อาจตั้งใจหรือไม่ตั้งใจโสดก็ได้ กลุ่มสาม Single No kid คือพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว และกลุ่มที่สี่ Cross Gen คือลุงป้าอยู่กันสองคน มีหลานก็มาอยู่ในเมืองที่ให้หลานไปโรงเรียนด้วย เราก็เลยตั้งคำจำกัดความว่าเป็น The New Normal ซึ่งมันก็เป็นกลุ่มคนที่มีมานานแล้ว

การออกแบบในคอนเซปต์ The New Normal เป็นอย่างไร

     มันมีวิธีคิดที่ต่างออกไปเลย คือเราไม่ต้องเอาโปรดักต์ที่มีในตลาดมาเปรียบเทียบ เพราะถ้าดูจากตลาด ทุกคนจะทำบ้าน 3 ห้องนอนชั้นบนกันหมด ซึ่งคนโสดหรือคนกลุ่มนี้เขาไม่ได้ต้องการ เขาอยากได้แค่ 2 ห้องนอนในคุณภาพที่ดีกว่า มีพื้นที่กว้างกว่า ลักษณะของ Floor Plan ที่ดีไซน์มามันก็จะเป็น Open Plan เพราะว่ามีคนอยู่กันไม่เยอะ ถ้าเราเปิดโล่งก็มองเห็นกันได้ นั่งกินข้าวก็ดูทีวีได้ แล้วก็ไม่จำเป็นว่าต้องมีความเป็นทางการมาก คือคนกลุ่มนี้เขามีโลกส่วนตัวบางอย่าง เดินเข้าบ้านสบายๆ การเรียงลำดับของห้องก็จะเปลี่ยนไปเลย

ความพิเศษของการออกแบบครั้งนี้

     เราออกแบบให้พื้นที่ของแต่ละห้องใหญ่ขึ้น ซึ่งก็ได้ฟังก์ชันที่เพิ่มขึ้น เราเตรียมพื้นที่ที่เก็บกระเป๋าเดินทางได้ อย่างพื้นที่ซักรีดที่แต่เดิมอยู่ชั้นหนึ่ง เราก็คิดใหม่ว่าเราจะเอาไปไว้ที่ชั้นสอง เพราะทำไมเราต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าชั้นสองแล้วหิ้วเสื้อผ้ามาซักชั้นล่าง ซักเสร็จก็ต้องหิ้วขึ้นไปชั้นบนอีก เราอยากเสนออะไรที่แตกต่างจากเดิม หรือบางทีสัตว์เลี้ยงก็เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว เราก็เลยดีไซน์หน้าต่างที่อยู่ขอบพื้น เพราะหมาหรือแมวเฝ้าคอยเรากลับบ้านอยู่ ซึ่งการคิดนอกกรอบแบบนี้มันเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนกลุ่มนี้