วันนี้ (22 พฤศจิกายน) ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคประชาชนจัดกิจกรรม รีชาร์จประชาชน ภายใต้แนวคิด ‘วาระประเทศไทย ความมั่นคงใหม่-เศรษฐกิจใหม่-บริหารประเทศแบบใหม่ ไทยทันโลก’ พร้อมจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับนโยบายด้านความมั่นคง ในหัวข้อ ‘เอาจริง! มาตรการจัดการทุนเทายึดประเทศ’ นำโดย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน, ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และสฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระ
วิโรจน์ระบุว่า กัมพูชาเป็นประเทศที่มีเครือข่ายสแกมเมอร์เกือบ 60 แห่ง มูลค่าเงินต่อปี 125,000 ล้านยูเอสดอลลาร์ หรือเป็นเงินกว่า 4-6 แสนล้านบาท ขณะที่ไทยสูญเงินจากการหลอกของสแกมเมอร์ 115,300 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเงินส่วนนี้กระทบกับเศรษฐกิจไทย ขณะที่ผู้รับจ้างเปิดบัญชีม้า ได้รับผลกระทบ เพราะนอกจากมีโทษจำคุกตามกฎหมาย จะหางานทำยากมากเนื่องจากไม่สามารถเปิดบัญชีใหม่ได้
วิโรจน์ระบุอีกว่า ประเทศไทยถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นแหล่งการฟอกเงินจากบัญชีม้า ไปยังกัมพูชา ผ่านนอมินีในรูปแบบการซื้อธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดรายวัน เช่น ร้านอาหาร ผับบาร์
“หากปล่อยให้มีการหลอกเงินต่อไป แล้วสกัดกั้นไม่ได้ ธุรกิจสุจริตในไทยก็ต้องปิดตัวลง พนักงานคอลเซ็นเตอร์ตัวจริงพังไปด้วย ปั่นราคาอสังหาริมทรัพย์ มูลนิธิจะไม่น่าเชื่อถือ มีการทำทัวร์ศูนย์เหรียญ เกิดพนันออนไลน์ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การหลอกเงินคุณยาย แต่ทำให้ธุรกิจสุจริตในไทยวอดวายทั้งประเทศ” วิโรจน์กล่าว
วิโรจน์ยังกล่าวต่อว่า คุณภาพชีวิตของคนไทยแย่ลง ความเปราะบางการเงินเกิดขึ้น กำลังซื้อก็ลดลง และประเทศอาจจะถูกจัดให้เป็นประเทศสีเทาเข้าสักวัน หากถึงวันนั้นภาคการเงินการธนาคารเราพังทันที เพราะไม่มีใครอยากมาลงทุนในประเทศไทย และจะถูกตรวจสอบอย่างหนักเพราะถูกมองว่าเป็นเครือข่ายของแก๊งสแกมเมอร์ในฐานะคนฟอกเงิน พร้อมเสนอทางแก้ไข ดังนี้
1. เร่งสร้างระบบนิเวศให้ไทยมีเกราะคุ้มกันจากสแกมเมอร์ มี พ.ร.ก. ไซเบอร์ ฉบับที่ 2 มาตรา 8/10 ที่ออกมาตรการในทางปฏิบัติว่าหากไม่ยอมทำตาม ต้องร่วมรับผิดร่วมจ่ายความเสียหายให้กับประชาชน แต่กฎหมายลูก ธนาคารแห่งประเทศไทยยังออกมาไม่ครบ และประชาชนไม่รู้ว่าเมื่อเกิดความเสียหายแล้วจะไปหาความรับผิดชอบร่วมจากที่ไหน
2. DBD, DOI และกรมสรรพากร ต้องร่วมมือกันปราบนอมินีและธุรกิจศูนย์เหรียญ ที่ไม่เสียภาษี
3. บช.สอท., บก.ปอท., ปปง. และ ป.ป.ช. ต้องร่วมมือกับต่างประเทศ ขยายผลจับกุมตัวใหญ่ให้ได้ ที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ เปิดเผยชื่อบริษัทและตัวการมาแล้ว เชื่อว่าตำรวจไทย และ ปปง. ไทยทำได้ ถ้ารัฐบาลมีความมุ่งมั่นตั้งใจ
4. ก.ล.ต., ปปง., คปภ. และกรมการปกครอง ต้องทำให้กลุ่มการลงทุนต่างๆ ไม่สามารถปิดบังตัวตนของผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงได้ ต้องเปิดเผยตัวตนที่มาของเงินในทุกช่องทาง
5. มาตรการระหว่างประเทศ ต้องแสดงความมุ่งมั่น จะต้องลงสัตยาบันให้ได้ และใช้อนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อทลายเครือข่ายใหญ่ในเวทีอาเซียน ถึงเวลาที่เราต้องถือธงนำใช้ปฏิญญาต่างๆ ของอาเซียน ในการจัดการเครือข่ายสแกมเมอร์ในภูมิภาคอย่างจริงจัง ร่วมมือกับองค์กรต่างประเทศ ในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายเงินสกปรก รวมถึงร่วมมือกับ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส อินเดีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และมีอีกหลายประเทศภายใต้ทางการทูต และฝากกระทรวงการต่างประเทศจัดให้กัมพูชาอยู่ในประเทศสีเทาให้ได้








