เมื่อพูดถึงผู้นำแห่งวงการที่อยู่อาศัยของไทย ไม่พูดถึง SC Asset ไม่ได้!
SC Asset กำลังก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 ในฐานะผู้นำแห่งการยกระดับประสบการณ์พิเศษด้วยการเป็น Living Solutions Provider ให้กับผู้อยู่อาศัย ในฐานะแบรนด์ที่ยืนหนึ่งด้านบริการหลังการขาย ด้วยแนวคิดแบบ Customer Centric มาตลอด 20 ปี ก้าวต่อไปคืออะไร เราพูดคุยกับ ‘โฉมชฎา กุลดิลก’ หัวหน้าสายงานกลยุทธ์แบรนด์และสื่อสารองค์กร SC Asset ท่ามกลางบรรยากาศอันสดใสของงาน 20 Years of Good Mornings ที่จัดขึ้นในวันที่ 19-23 ตุลาคม 2566 ณ ลานพาร์ค พารากอน
งาน 20 Years of Good Mornings เกิดขึ้นในรูปแบบน่ารัก สดใส และอบอุ่น ท่ามกลางบรรยากาศของทุ่งดอกทานตะวันที่บานสะพรั่งอยู่ใจกลางเมือง ชวนให้ทุกคนได้เข้ามาเดินเล่นเพื่อทำความรู้จักกับแบรนด์ SC Asset ที่อยู่กับคนไทยตลอด 20 ปีที่ผ่านมา และกำลังก้าวสู่ทศวรรษที่ 3
“ครั้งสุดท้ายที่ SC Asset จัดงานใหญ่ที่สุดคือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาแห่งการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ ปีนี้ 2023 ครบรอบ 20 ปีพอดี เรากลับมาจัดใหญ่อีกครั้งด้วยความรู้สึกว่า อยากเจอหน้าลูกค้าที่เคยผูกพันกันมา และก็อยากจะเจอกับคนกลุ่มใหม่ๆ คนที่วันนี้อาจจะยังไม่คิดมีบ้าน แต่เขาก็มีโอกาสเป็นลูกค้าของเราในอนาคต”
“คอนเซปต์งานคือ การเดินทางจาก ‘อดีต’ สู่ ‘ปัจจุบัน’ และ ‘อนาคต’ จึงมีทั้งเรื่องราวที่เป็นประวัติศาสตร์ของ SC Asset ที่สะท้อนให้เห็นว่าเรามาถึงวันนี้ได้เพราะเราให้ความสำคัญกับ ‘การฟัง’ ที่ทำให้ SC Asset สร้างสรรค์สินค้าและบริการได้อย่างดีในปัจจุบัน ซึ่งการก้าวไปสู่อนาคต เราก็จะไม่ได้ไปแค่เพียงคนเดียว แต่ทุกๆ คนที่เกี่ยวข้องกับเรา ไม่ว่าจะเป็นลูกบ้าน พนักงาน พันธมิตร รวมถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม พวกเราจะเติบโตไปด้วยกันแบบ Thriving Together”
เส้นทางตลอด 20 ปีของ SC Asset ถูกนำมาเล่าผ่านโซนนิทรรศการต่างๆ ในรูปแบบ Five Senses Exhibition เริ่มต้นด้วย น้องดอว์น ดอกทานตะวันขนาด 6 เมตร จากภาพยนตร์แอนิเมชัน ที่สามารถโต้ตอบกับเราได้ เมื่อเข้ามาในบูธจะพบกับโซนนิทรรศการ Light & Sound ฉายภาพประวัติศาสตร์แบรนด์ 20 ปี ต่อด้วยโซน Behind a Good Morning เบื้องหลังการเติบโตที่เกิดจากการรับฟังทุกเสียงติชม คำแนะนำ และนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น และโซนอาณาจักรของดี ที่รวมข้อเสนอสุดพิเศษของโครงการต่างๆ รวมถึงเป็นอีเวนต์ First Preview ของคอนโดมิเนียม COBE แห่งที่ 2 บนทำเลย่านเกษตร-ศรีปทุม ที่นับเป็นหมุดหมายของการเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างจริงจังของ SC Asset
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมและแขกรับเชิญพิเศษที่สะท้อนถึงสปิริตแบบคนรุ่นใหม่ อย่างเช่น PP Krit, 789 DEBUT GROUP รวมถึงเวทีทอล์กโชว์ Worry-Free Talks กับ โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์, เคน นครินทร์, ฟาโรส และดีเจนุ้ย ฯลฯ ที่สร้างทั้งความสนุกสนานและมอบความรู้แบบเต็มอิ่ม
โฉมชฎากล่าวว่า การที่ SC Asset ก้าวสู่การเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นในเรื่องการดูแลหลังการขาย ยืนหนึ่งเรื่องหัวใจของการบริการ ไม่เคยทอดทิ้งลูกค้า เพราะแนวคิด Sunflower Mindset ที่ปลูกฝังสู่ทุกคนในองค์กร
“พวกเราเปรียบตัวเองเป็น ‘ดอกทานตะวัน’ โดยลูกค้าคือ ‘แสงอาทิตย์’ ไม่ว่าแสงอาทิตย์จะหันไปทางทิศไหน พวกเราจะคอยหันตาม เบ่งบานให้ชีวิตของพวกเขาสดใส พร้อมให้การดูแล ช่วยเหลือลูกค้ามาตลอด 20 ปี
“ความเชื่อของ SC Asset คือ เราจะสร้างบ้านเพื่อให้ทุกเช้าของคุณเป็นเช้าที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะออกไปเจอเรื่องยุ่งเหยิงร้ายแรงแค่ไหน แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน โมเมนต์นั้นจะเป็นโมเมนต์ที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา”
นิยามของ ‘บ้านที่ดี’ ในยุคนี้ไม่ใช่แค่บ้านที่สวย มีฟังก์ชันครบครันเท่านั้น แต่บ้านคือสถานที่ที่ควรจะสร้างโมเมนต์ที่ดีไปตลอดช่วงชีวิต
“นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ความสัมพันธ์ระหว่าง SC Asset กับลูกค้าไม่ได้จบเพียงแค่การซื้อบ้าน แต่เราใส่ใจดูแลต่อเนื่อง ครอบคลุมถึงชีวิตหลังย้ายเข้าบ้าน ดังนั้นนับจากนี้เราจึงไม่ได้เป็นแค่ Developer แต่เป็น Living Solutions Provider เพราะชีวิตจริงของลูกบ้านเริ่มต้นหลังจากวันที่เขาย้ายเข้าไปอยู่บ้าน”
จากความใส่ใจในความสุขของลูกค้า นำมาสู่ธุรกิจใหม่ SC ABLE ที่ดูแลบริการหลังการขายแบบครบวงจร เพื่อสร้างทุกเช้าที่ดีให้กับสมาชิกครอบครัวของ SC Asset ทั้งงานซ่อมแซม ติดตั้งและดูแลระบบน้ำ ไฟฟ้า แอร์ รวมถึงงานทำความสะอาด ฯลฯ เพื่อให้ทุกคนไม่ต้องห่วงกังวลกับปัญหาที่บ้าน
หลักคิดในการทำธุรกิจให้เติบโตสู่ทศวรรษที่ 3 ของ SC Asset มีหัวใจสำคัญอยู่ที่ ‘การฟัง’ ทุกคนในองค์กร ตั้งแต่ระดับ CEO ผู้บริหาร หรือพนักงานระดับปฏิบัติการ ต้องมีทักษะในการรับฟังอย่างเข้าใจ
“การเป็นดอกทานตะวันที่คอยหันเข้าหาลูกค้าจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าพวกเราไม่มีทักษะของการรับฟังอย่างเข้าใจ ทักษะนี้สั่งสมมาจากการที่ SC Asset มีประชุมที่ชื่อว่า Voice of Customer เดือนละครั้ง คนที่นำการประชุมนี้คือ CEO ของเราเอง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จะเอาเสียงชื่นชมและตักเตือนจากลูกค้ามาเปิดให้ทุกคนฟังร่วมกัน การจัดเซสชันแบบนี้จึงเป็นทั้งการให้กำลังใจคนที่ได้รับเสียงชื่นชมจากลูกค้า ถ้าหากเป็นการตำหนิ ทุกฝ่ายก็จะได้มาช่วยกันแชร์วิธีคิดในการแก้ปัญหา ทำให้ทุกคนมีทักษะในการรับฟังที่ดี เข้าใจลูกค้า และคนที่ทำงานร่วมกับเรามากขึ้น
“สำหรับเสียงตำหนิ ถ้าเราฟังเขาอย่างตั้งใจ หลายๆ ครั้งจะรู้เลยว่าเขาไม่ได้มาเพราะเกลียดเรา แต่เขามาเพราะรู้สึกลำบากหรือเจ็บปวด แน่นอนว่าการสร้างบ้านต่อให้เพอร์เฟกต์แค่ไหนย่อมไม่มีทางถูกใจคนที่มีความแตกต่างหลากหลาย ซึ่งการรับฟังจะทำให้เราเข้าถึงหัวใจของลูกค้ามากขึ้น ทำให้เราปรับปรุงประสิทธิภาพตลอดจนการบริการได้ดียิ่งขึ้น”
โปรเจกต์ล่าสุดที่นับเป็นการปักหมุดก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบคือ SC Morning Coin ที่นำบล็อกเชนและโทเคนดิจิทัลมาสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า อย่างเช่นการนำ Coin แลกรับส่วนลดเมื่อใช้บริการต่างๆ หรือการนำ Coin ไปแลกกับประสบการณ์พิเศษที่หาที่ไหนไม่ได้ เช่น การได้ตัดผมกับช่างตัดผมที่จองคิวยาก และอีกหลากหลายกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่แค่มีเงินอย่างเดียวก็อาจไม่สามารถซื้อได้
“เราคุ้นเคยกับการแลกพอยต์บัตรเครดิต แต่ไม่มีใครคุ้นเคยกับการซื้อบ้านแล้วได้พอยต์ และ SC Asset จะเป็นผู้นำในการสร้างประสบการณ์สุดพิเศษนี้ ผ่านการจับมือกับพันธมิตรในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อให้ทุกๆ โมเมนต์ของสมาชิกครอบครัว SC Asset เป็นโมเมนต์ที่พิเศษที่สุด”
ทศวรรษต่อไปของ SC Asset มุ่งสู่การเติบโตไปพร้อมกับ Stakeholders ทุกฝ่าย พร้อมส่งมอบ ‘คุณค่า’ ที่มากกว่ากำไร ภายใต้แนวคิด Thriving Together
“ทศวรรษที่ 3 เป็นช่วงเวลาที่เราจะพาทุกคนในระบบนิเวศ ทั้งลูกค้า พนักงาน พันธมิตร สังคม และสิ่งแวดล้อม เติบโตไปด้วยกัน เพราะเราเชื่อว่าโลกในอนาคตจะเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงและความท้าทาย การมุ่งทำแต่กำไรเพื่อการเติบโตแบบเก่งอยู่คนเดียวจะอยู่ไม่ได้อีกแล้ว แต่ทุกๆ คนในระบบนิเวศจะต้องรอดและโตไปด้วยกัน”
