หลังประกาศเปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศซาอุดีอาระเบียเมื่อสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา เราเชื่อว่าในฐานะนักเดินทาง ทุกคนย่อมรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยที่ประเทศซึ่งปิดตัวมานานเปิดประตูต้อนรับเข้าบ้านโดยสุจริต แม้ว่าในรายนาม 49 ประเทศที่สามารถขอวีซ่านักท่องเที่ยวได้จะไม่มีรายชื่อประเทศไทยอยู่เลย อย่างที่ทราบกันดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบียอยู่ในระดับที่ไม่ดีนักนับตั้งแต่คดี ‘เพชรซาอุ’ แต่ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตทั้งสองประเทศจะไม่สามารถยกระดับความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นได้ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงตื่นเต้นกับการเปิดประเทศของซาอุดีอาระเบีย
จุดหมายปลายทางใหม่แกะกล่อง
ด้วยอำนาจในฐานะแหล่งผลิตน้ำมันอันดับต้นๆ ของโลก ซาอุดีอาระเบียจึงไม่เคยสนใจเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวเลย แต่ช่วงปีหลังดูเหมือนว่าทางรัฐบาลจะตระหนักถึงทรัพยากรธรรมชาติที่ลดน้อยถอยลง อีกทั้งหากเกิดปัญหากับบ่อน้ำมันจะทำให้ขาดรายได้มหาศาล มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย ทรงประกาศโครงการปฏิรูปที่ชื่อว่า ‘วิสัยทัศน์ 2030’ เพื่อเตรียมซาอุดีอาระเบียให้เข้าสู่ยุคหลังน้ำมัน โดยมีการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในรายได้หลัก การเปิดประเทศครั้งนี้จึงใหม่มากสำหรับชาวซาอุดีอาระเบียเองและนักท่องเที่ยว เราจะได้เจอโลกอีกด้านภายในขอบรั้วของซาอุดีอาระเบีย ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ชีวิตความเป็นอยู่ กรอบความคิด ทุกสิ่งอย่างล้วนสดใหม่กับโลกภายนอกหรือแม้กระทั่งกับชาวซาอุดีอาระเบียเอง
แหล่งมรดกโลก 5 แห่ง
ภายในดินแดนกลางทะเลทราย ซาอุดีอาระเบียเป็นสถานที่ตั้งของมรดกโลกถึง 5 แห่ง เช่น ทะเลแดง, เทือกเขาอาซีร์, แหล่งโบราณคดีอัลฮิจญร์, เมืองประวัติศาสตร์ญิดดะฮ์ และประตูสู่มักกะฮ์ ปราสาทหินกลางทะเลทราย เวิ้งผาสูงอร่าม ทั้งหมดนี้แน่นอนว่าไม่เคยเปิดให้นักท่องเที่ยวชมมาก่อน และสวยงามมากไม่แพ้แหล่งท่องเที่ยวดังระดับโลกที่อื่น นอกจากนี้ทางรัฐบาลมีแผนพัฒนาเกาะกลางทะเลกว่า 50 เกาะให้กลายเป็นแหล่งตากอากาศระดับโลก คิดดูสิว่าด้วยความร่ำรวยของประเทศซาอุดีอาระเบีย สิ่งที่เนรมิตจะต้องอลังการแน่นอน
ปรับกฎบางกฎเพื่อรับนักท่องเที่ยว
อย่างที่ทราบกันดีว่าในอดีตที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียขึ้นชื่อว่าเป็นราชอาณาจักรที่อนุรักษนิยมสุดๆ ชายหญิงห้ามอยู่ใกล้ชิดกัน สตรีห้ามออกนอกบ้านหากยังไม่ได้รับอนุญาตจากบุรุษ หรือพวกเธอต้องแต่งกายด้วยชุดคลุมทั้งตัวยามออกนอกบ้าน การตัดสินใจเปิดประเทศครั้งนี้ อาเหม็ด อัล คาทีป ผู้อำนวยการการท่องเที่ยว เผยว่าทางรัฐบาลมีนโยบายผ่อนปรนระเบียบการแต่งกายสำหรับหญิงต่างชาติ โดยสามารถไปไหนมาไหนได้โดยไม่จำเป็นต้องสวมชุดคลุมทั้งตัว หากแต่ต้องแต่งกายอย่างเหมาะสม อีกทั้งยังมีการเปิดเสรี มีการเปิดโรงภาพยนตร์แห่งใหม่ที่อนุญาตให้หญิงชายดูร่วมกันได้ และดึงรายการกีฬาดังๆ มาแข่งในซาอุดีอาระเบีย
การเปิดประเทศคราวนี้ทำให้โฉมหน้าของซาอุดีอาระเบียเปลี่ยนแปลงไปมาก สำหรับใครที่ไม่ได้ถือพาสปอร์ตไทยและอยากเดินทางท่องเที่ยวในซาอุดีอาระเบีย สามารถขอวีซ่าท่องเที่ยวได้จากสถานทูตในแต่ละประเทศโดยใช้เวลาไม่เกิน 7 นาทีผ่านระบบออนไลน์ มีค่าบริการประมาณ 80 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,800 บาท แม้ว่าตอนนี้เราจะยังเดินทางไปเที่ยวที่นี่ไม่ได้ แต่หวังว่าอีกไม่นานนักท่องเที่ยวไทยจะสามารถไปเยือนยังมหานครกลางทะเลทรายแห่งนี้ได้
ภาพ: Shutterstock
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
