หลังจากที่เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีการควบคุมตัวบรรดาสมาชิกราชวงศ์ ข้าราชการระดับสูง และนักการเมืองซาอุฯ จำนวนมาก เพราะตรวจพบว่าอาจมีส่วนพัวพันกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน คำสั่งนี้มีขึ้นหลังเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารของซาอุฯ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการต่อต้านคอร์รัปชันชุดใหม่ของประเทศ ก่อนที่จะอนุญาตให้ผู้ถูกจับกุมหลายรายสามารถทำข้อตกลงจ่ายค่าชดเชยจำนวนมหาศาลกับทางการ เพื่อแลกกับอิสรภาพได้ในท้ายที่สุด
ล่าสุดมีการจับกุมสมาชิกราชวงศ์ครั้งใหญ่อีกครั้ง โดยสำนักงานอัยการแห่งชาติของซาอุฯ เผยว่า การจับกุมเจ้าชายซาอุฯ ทั้ง 11 พระองค์ในครั้งนี้เกิดจากการรวมตัวกันก่อเหตุประท้วงภายในพระราชวังแห่งหนึ่งในกรุงริยาด เมืองหลวงของประเทศ เนื่องจากไม่พอใจที่ถูกตัดงบค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าน้ำค่าไฟ ที่บรรดาเชื้อพระวงศ์เคยได้รับ อันเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการรัดเข็มขัด พร้อมเรียกร้องเงินค่าชดเชยให้กับหนึ่งในบรรดาพระญาติที่ถูกประหารชีวิตไปเมื่อปี 2016 ซึ่งยังคงไม่ได้รับการชี้แจงถึงการกระทำความผิดอย่างแน่ชัดแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่อัยการระบุว่า ได้แจ้งให้เชื้อพระวงศ์กลุ่มดังกล่าวทราบแล้วว่า การประท้วงนี้เป็นสิ่งผิดกฎหมายและอาจถูกดำเนินคดี แต่การประท้วงยังดำเนินต่อ ทางการจึงจำเป็นต้องเข้าจับกุมและควบคุมตัวไว้ภายในเรือนจำ อัล-ฮาเย (Al-Hayer) ทางตอนใต้ของเมืองหลวง เพื่อรอพิจารณาคดีในชั้นศาลต่อไป
แผนการปฏิรูปประเทศซาอุฯ ให้มีความทันสมัย ภายใต้การกุมบังเหียนของมกุฎราชกุมารพระองค์ใหม่ที่มีความเด็ดขาดและรัดกุมมากยิ่งขึ้น อาจจะทำให้เกิดกระแสต่อต้านจากกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากการปฏิรูปดังกล่าวเป็นระยะๆ และหากซาอุฯ กำลังเดินหน้าพัฒนาประเทศตามแนวคิดเสรีนิยมจริง ท้ายที่สุดการขัดแย้งและแรงปะทะกับกลุ่มนักการศาสนาภายในประเทศก็อาจเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้และอาจนำไปสู่วิกฤตทางการเมืองภายในประเทศครั้งใหญ่
อ้างอิง: