ซาอุดีอาระเบียออกแถลงการณ์แฉว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ โจ ไบเดน ได้พยายามกดดันให้ซาอุดีอาระเบียซึ่งเปรียบเสมือนพี่ใหญ่ของกลุ่ม OPEC+ ชะลอแผนปรับลดกำลังผลิตน้ำมันดิบจำนวน 2 ล้านบาร์เรลต่อวันที่จะเริ่มขึ้นในต้นเดือนพฤศจิกายน ออกไปอีกอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อให้ผ่านการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในเดือนหน้าออกไปก่อน
อย่างไรก็ดี ซาอุดีอาระเบียได้ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องดังกล่าว และยืนยันว่าการตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC+ ซึ่งครอบคลุมกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่ไม่ได้เป็นสมาชิก OPEC อย่างรัสเซียด้วย เป็นการพิจารณาโดยอ้างอิงจากข้อมูลประมาณการทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ของโลก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- น้ำมันอาจกลับไป 100 ดอลลาร์! ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มหักหัวขึ้น แต่นักวิเคราะห์คาดบวกแค่ช่วงสั้น
- ทองคำ กำลังไหลเข้าเอเชีย ท่ามกลางดอกเบี้ยโลกที่กำลังขึ้นต่อเนื่อง
- โอเปกพลัส ‘OPEC+’ ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน มุ่งหนุนราคาน้ำมัน เริ่มเดือนพฤศจิกายนนี้
“รัฐบาลซาอุดีอาระเบียได้ชี้แจงต่อสหรัฐอเมริกาไปแล้วว่า การวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจของเราบ่งชี้ว่า การชะลอแผนปรับลดกำลังการผลิตของ OPEC+ ไปอีกหนึ่งเดือนจะส่งผลในทางลบต่อเศรษฐกิจของเรา” แถลงการณ์ของซาอุระบุ
ล่าสุด John Kirby โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ออกมาตอบโต้โดยกล่าวหาว่า การตัดสินใจของซาอุมีส่วนช่วยสร้างรายได้ให้กับรัสเซียนำไปใช้ทำสงครามในยูเครน ซึ่งขัดกับนโยบายคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร
“ซาอุดีอาระเบียได้แจ้งกับเราถึงความตั้งใจที่จะลดกำลังผลิตน้ำมันลง แม้จะรู้ว่าการทำเช่นนั้นจะมีส่วนช่วยเพิ่มรายได้ให้กับรัสเซีย และขัดต่อมาตรการคว่ำบาตรของเรา ซึ่งเป็นแนวทางที่ไม่ถูกต้อง สหรัฐฯ ยังได้แสดงผลการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจของเราว่า ปัจจุบันยังไม่มีปัจจัยที่ทำให้การผลิตน้ำมันต้องถูกปรับลดลง โดย OPEC สามารถรอจนถึงการประชุมรอบหน้าเพื่อตัดสินใจได้” Kirby กล่าว
Kirby ยังเปิดเผยอีกว่า มีสมาชิก OPEC หลายชาติที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของซาอุดีอาระเบีย แต่ถูกกดดันให้ต้องคล้อยตาม พร้อมย้ำว่าสหรัฐฯ อยู่ระหว่างประเมินความสัมพันธ์ใหม่กับซาอุดีอาระเบีย และต้องการให้ซาอุแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่า พวกเขาสนับสนุนการรุกรานยูเครนของรัสเซียหรือไม่
อ้างอิง: