วันนี้ (26 มีนาคม) สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแอปพลิเคชันที่ใช้ในการติดตามผู้ที่ถูกจัดให้เป็นกลุ่มเสี่ยง โดยระบุว่า แอปพลิเคชันของ AOT Airports ออกแบบมาเพื่อเอาไว้ตามตัวผู้ที่อยู่ในเกณฑ์กักตัว 14 วัน หรือกลุ่มที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงให้อยู่ในที่พักอาศัย ผ่านโทรศัพท์ของบุคคลนั้นๆ เพื่อให้ทีมงานตรวจสอบได้ว่า บุคคลนั้นได้กักตัวอยู่ที่บ้านตามข้อตกลงหรือไม่
โดยมีวิธีการสังเกตง่ายๆ ว่า หากจุดผู้ที่กักตัวอยู่ยังเป็นสีเขียวแสดงว่า ยังคงอยู่ที่บ้านพักตามปกติที่ได้แจ้งไว้กับกรมควบคุมโรค แต่ถ้าจุดสัญญาณเปลี่ยนเป็นสีส้มแสดงว่า มีการเคลื่อนตัวออกจากจุดที่แจ้งเจ้าหน้าที่เกิน 200 เมตร หากเปลี่ยนเป็นสีแดงจะมีเหตุผลเป็น 2 ปัจจัย คือ 1. ผู้กักตัวเริ่มมีอาการป่วยเป็นไข้ 2. ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปตักเตือนหรือพูดคุยถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ แอปพลิเคชันดังกล่าวจะเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ช่วยให้เจ้าพนักงานทำงานได้ง่ายขึ้น และจะถูกส่งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดในทุกจังหวัดที่มีการกักตัวผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่บ้านพัก
นอกจากนี้สาธิตยังได้แนะนำให้ประชาชนรู้จักกับแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า covid19.ddc.moph.go.th ซึ่งจะคอยรายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ, ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว, ยังรักษาอยู่ ซึ่งเป็นชุดข้อมูลเดียวกันกับที่กระทรวงสาธารณสุขแถลงรายงานสถานการณ์ในทุกๆ วัน ซึ่งประชาชนสามารถเช็กได้ว่า ในแต่ละวันมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเท่าไร และอยู่ตรงจุดไหนบ้าง อีกทั้งแพลตฟอร์มดังกล่าวยังมีแบบประเมินความเสี่ยงให้ประชาชนได้ร่วมประเมินตัวเองว่า เข้าข่ายการเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ อย่างไร
ส่วนแพลตฟอร์มสุดท้ายคือ แชตบอตในชื่อ ‘สบายดีบอต’ ซึ่งจะมาในรูปแบบของไลน์ออฟฟิเชียล สำหรับผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและเข้าข่ายต้องสงสัยในการเป็นผู้ติดเชื้อ เพราะเมื่อผลตรวจพบว่าติดเชื้อ ระบบจะนำผู้ติดเชื้อรายนั้นๆ เข้าสู่ระบบการตรวจโรคได้อย่างรวดเร็ว เพื่อรายงานเคสที่ติดเชื้อแล้ว
“ทั้ง 3 แพลตฟอร์ม หรือ 3 แอปพลิเคชันนี้ จะช่วยให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในกระทรวงสาธารณสุขที่จะมีการใช้เทคโนโลยีติดตามตัวท่านในทุกระยะ ตั้งแต่การกักตัวไปจนถึงการให้ข้อมูลรายงานผู้ติดเชื้อรายวันและคำปรึกษาต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับคนในกลุ่มเสี่ยง ซึ่งจะมีหน่วยงานจากทีมแพทย์คอยให้บริการตลอด” สาธิตกล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล