ดาวเทียมที่โคจรอยู่บนอวกาศ สูงไปจากพื้นดินหลายร้อยกิโลเมตร สามารถถ่ายภาพและมองเห็นน้ำท่วมบนโลกได้อย่างไร?
อุทกภัยในจังหวัดสงขลา และพื้นที่ต่างๆ ของภาคใต้ ตลอดจนจังหวัดที่ได้รับผลกระทบในภาคกลาง สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ความปลอดภัยของผู้คน และการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน จึงทำให้ข้อมูลเพื่อรับมือภัยพิบัติต่างๆ นั้นมีความจำเป็น และสำคัญต่อการประเมินเพื่อเฝ้าระวัง รับมือ จนถึงขั้นการฟื้นฟูสถานการณ์ในภายหลัง
ดาวเทียม เป็นหนึ่งในข้อมูลสำคัญที่ถูกนำมาใช้รับมือภัยพิบัติบนโลก เนื่องจากปัจจุบันมีดาวเทียมสำรวจโลก พร้อมวัตถุประสงค์การทำงานที่หลากหลาย ผ่านอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ถูกติดตั้ง สำหรับการเก็บข้อมูลในด้านต่างๆ ตั้งแต่การถ่ายภาพความละเอียดสูง สำรวจทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ เกษตร มหาสมุทร ตลอดจนการใช้เพื่อวางผังเมือง เป็นต้น
สำหรับการตรวจดูน้ำท่วม โดยเฉพาะสถานการณ์อุทกภัยในประเทศไทย GISTDA หรือสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ได้วิเคราะห์โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม SAR หรือ Synthetic Aperture Radar ที่ใช้การส่งคลื่นไมโครเวฟ และคลื่นวิทยุลงมาสู่พื้นโลก เพื่อตรวจจับสัญญาณที่สะท้อนกลับมา ซึ่งสามารถตรวจดูรายละเอียดพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบได้
ดาวเทียมประเภท SAR แตกต่างจากดาวเทียมประเภท Optical ที่ถ่ายภาพในช่วงคลื่นแสงที่ตามองเห็น ซึ่งไม่สามารถถ่ายภาพในช่วงกลางคืน ในพื้นที่มีหมอกควัน หรือมีเมฆหนาคอยบดบังการมองเห็น แต่ดาวเทียม SAR สามารถส่งคลื่นไมโครเวฟและคลื่นวิทยุพลังงานสูงส่องทะลุได้ตลอด 24 ชั่วโมง จนสามารถติดตามสถานการณ์และความเปลี่ยนแปลงได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับบริเวณที่มีน้ำท่วม คลื่นจากดาวเทียมจะถูกสะท้อนออกไปด้านข้าง ไม่ได้กระเจิงกลับมายังตัวรับสัญญาณของดาวเทียม ส่งผลให้บริเวณที่มีน้ำท่วมนั้นจะปรากฏมืดกว่าในข้อมูลจากเรดาร์ เมื่อเทียบกับสิ่งปลูกสร้าง ป่าไม้ และพื้นดิน ที่ปรากฏสว่างกว่า
ในปัจจุบัน GISTDA มีการใช้ข้อมูลจากดาวเทียม Sentinel-1A, Radarsat-2, Shenqi-02, และ StriX-4 อันเป็นดาวเทียมประเภท SAR เพื่อประเมินพื้นที่น้ำท่วม และวิเคราะห์ดูความลึก บริเวณได้รับผลกระทบ เพื่อนำส่งข้อมูลให้กับหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลสำคัญ ในการกำหนดแนวทางการช่วยเหลือ การวางแผนเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการติดตามและประเมินแนวโน้มผลกระทบในระยะต่อไป
ทั้งนี้ GISTDA ระบุในแผนการพัฒนากลุ่มดาวเทียมสำรวจโลก หรือ THEOS Constellation ว่าจะมีการพัฒนาดาวเทียมประเภท SAR ได้แก่ THEOS-5A, THEOS-5B, THEOS-5C, และ THEOS-5D เพื่อสนับสนุนภารกิจรับมือต่อภัยพิบัติต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เสริมกับการทำงานของดาวเทียมประเภท Optical ในปัจจุบัน อย่าง THEOS-1 และ THEOS-2 ที่เป็นข้อมูลสำคัญในการเปรียบเทียบสภาพก่อน-หลังเกิดอุทกภัยได้อย่างชัดเจน
ในการนี้ ข้อมูลดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ผ่านระบบสนับสนุนการตัดสินใจเพื่อบริหารจัดการภัยพิบัติ ที่ประชาชนทั่วไปสามารถสืบค้นได้ทางเว็บไซต์: https://disaster.gistda.or.th/ และแอปพลิเคชั่น “เช็คน้ำ” ทั้งในระบบ iOS และ Android
ภาพ: ESA / Mlabspace
อ้างอิง:


