×

ตะลุยหิมะฟู เล่นสโนว์บอร์ด ชิมซุปแกงกะหรี่ติดดาวมิชลิน เดินชมวิวค่ำคืนที่ซัปโปโร

28.12.2019
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 MINS. READ
  • พาไปเปิดประสบการณ์บินตรงตะลุยหิมะฟูนุ่ม สนุกไปกับกิจกรรมเอาต์ดอร์ฤดูหนาวอย่างสโนว์บอร์ด, สโนว์โมบิล, สโนว์ไบค์ หรือลากเลื่อน ชวนชิมซุปแกงกะหรี่ชื่อดังระดับดาวมิชลิน และแวะชมวิวค่ำคืนที่ TV Tower ใจกลางซัปโปโร

แม้จะเคยสัมผัสกับบรรยากาศที่มีหิมะโปรยปรายมาบ้างแล้ว แต่กลับไม่เคยมีครั้งไหนที่ฉันได้ลุย ได้เล่น และทำกิจกรรมสนุกๆ ท่ามกลางฉากหิมะขาวโพลนได้ทั้งวัน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งใหม่ที่มีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ซัปโปโร จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น 

 

ตลอดการเดินทางใช้เวลาบินราวๆ 6 ชั่วโมงบนเครื่องบินลำใหญ่ของนกสกู๊ต ฉันหลับตานึกถึงข้อมูลเกี่ยวกับซัปโปโรที่อ่านมาคร่าวๆ รู้เพียงว่าซัปโปโรมีชื่อเสียงด้านเมืองท่องเที่ยว ที่นี่เคยจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว (ปี 1972) เป็นเมืองที่มีของดี เช่น ซุปแกงกะหรี่ ราเมน โรงเบียร์ รวมถึงเทศกาลหิมะซัปโปโรที่เคยเห็นในข่าวว่าจัดขึ้นทุกปีในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ นอกจากนี้ยังมีจุดท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมายที่ได้รับความนิยม ทั้งภูเขา ทะเลสาบ ป่า และลานสกีที่ฮิตมากในฤดูหนาว

 

 

ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะข้อมูลจำนวนมากที่วิ่งวนในหัวหรือเป็นเพราะความง่วงระดับ 10 (เพราะบินราวตี 4 ตามเวลาประเทศไทย) ทำให้เผลอหลับไปบนเก้าอี้นั่งสบายระดับ ScootPlus โดยไม่รู้ตัว ลืมตาตื่นอีกครั้งเมื่อกัปตันประกาศเตรียมแลนดิ้งสู่สนามบินนิวชิโตเสะ (New Chitose Airport) ทันทีที่ผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย ความกว้างขวาง สะอาด กับสไตล์มินิมัลของสนามบินแห่งนี้ก็ชวนให้ประทับใจไม่เบา 

 

 

ล้อหมุนสู่ดินแดนสกีรีสอร์ต 

การเดินทางสู่จุดหมายที่พัก รุซุสึ รีสอร์ต โฮเทล (Rusutsu Resort Hotel) นั้นจะใช้เวลานั่งรถราว 2 ชั่วโมง เพราะต้องออกไปยังนอกเมือง ฉันกับเพื่อนร่วมทริปขึ้นชัตเทิลบัสของโรงแรมที่มีบริการรับส่งจากสนามบินนิวชิโตเสะตรงสู่รุซุสึ ราคาเที่ยวเดียว 3,100 เยน (ประมาณ 850 บาท) ราคาไปกลับ 6,200 เยน (ประมาณ 1,700 บาท *รวมภาษีแล้ว) แต่หากใครไม่ได้ไปพักที่โรงแรมรุซุสึ แต่อยากไปเที่ยวลานสกีที่นั่น ทางโรงแรมมีบริการชัตเทิลบัสรับส่งฟรีจากซัปโปโร โดยต้องไปขึ้นรถที่ Rusutsu Resort Sapporo Sales Office ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานี JR Sapporo ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากเที่ยวในเมืองออกสู่นอกเมืองบ้าง ระหว่างทางที่มุ่งตรงสู่ดินแดนสกีรีสอร์ตนั้นมีหิมะโปรยปรายตลอดทาง หน้าจอโทรศัพท์มือถือบอกตัวเลขอุณหภูมิของอากาศที่ติดลบ ประกอบกับภาพวิวหิมะสุดลูกหูลูกตาทั้งสองข้าง ยิ่งชวนให้รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในฉากของภาพยนตร์ Frozen อย่างไรอย่างนั้น

 

 

หลังจากเช็กอินเข้าที่พักเรียบร้อยก็เป็นเวลาเย็นย่ำ ที่นี่เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ แบ่งเป็นตึกโรงแรมสองฝั่ง ฝั่งเหนือ (Rusutsu Resort Hotel) มีห้องพัก 500 ห้อง และฝั่งใต้ (The Westin Rusutsu Resort) มีห้องพัก 200 ห้อง ด้วยพื้นที่ตั้งขนาดใหญ่ ทำให้ภายในโรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านค้า เครื่องเล่น กิจกรรมกีฬาฤดูหนาวต่างๆ รวมไปถึงร้านอาหารน่าสนใจมากมาย บอกได้เลยว่าอยู่ที่นี่ไม่ต้องกลัวเบื่อหรือเหงา เพราะมีทุกอย่างที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะมาแบบครอบครัว แก๊งเพื่อน หรือมาเป็นหมู่คณะ 

 

 

สนุกสุดเหวี่ยงกับกิจกรรมเอาต์ดอร์
สิ่งที่สร้างความตื่นเต้น เสียงหัวเราะ และความสนุกสุดเหวี่ยงในทริปนี้ คือกิจกรรมฤดูหนาวสุดคูลที่เพียงก้าวเท้าออกจากประตูโรงแรมก็จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ Ski in-Ski Out อารมณ์ประมาณว่าแค่ออกจากโรงแรมก็สามารถเล่นสกีได้เลย สิ่งที่โชคดีสุดๆ คือวันนั้นแดดดีมาก ทำให้วิวรอบตัวเต็มไปด้วยหิมะที่สะท้อนแสงระยิบระยับ จากนั้นความสนุกก็เริ่มต้นขึ้น

 

 

 

Snowboard 

หากไม่ใช่คนที่เคยเล่นสโนว์บอร์ดมาก่อน การหัดเล่นในครั้งแรกจำเป็นต้องมีคนสอนเพื่อให้มีความรู้เบื้องต้นตั้งแต่การใส่และถอดรองเท้าสโนว์บอร์ด การถือบอร์ดอย่างถูกวิธี การทรงตัว การบังคับทิศทาง ซึ่งพบว่าหากเราก้าวข้ามความยากที่สุดคือการเอาชนะความกลัวของตัวเองได้ ที่เหลือจะกลายเป็นเรื่องของความสนุกที่ยิ่งเล่นยิ่งชอบ แม้จะต้องลื่นล้มหรือเสียการทรงตัวไปบ้าง แต่มันเป็นประสบการณ์ที่สนุกและลืมไม่ลงจริงๆ อีกหนึ่งโมเมนต์ประทับใจคือเราแนะนำให้ขึ้นกระเช้าไปเก็บภาพวิวสวยๆ ที่มองเห็นครอบคลุมภูเขาทั้งสามลูกอย่างภูเขา Isola (สูงจากระดับน้ำทะเล 994 เมตร) ภูเขา East (สูงจากระดับน้ำทะเล 868 เมตร) และจะมองเห็นภูเขา Yotei (สูงจากระดับน้ำทะเล 1,898 เมตร) อย่างชัดเจนอีกด้วย 

 

 

Nature Tour 

หากไม่อยากเสี่ยงกับการลื่นล้มก้นกระแทกหิมะอย่างการเล่นสโนว์บอร์ดหรือ Snow Rambler ก็มีตัวเลือกที่ชิลกว่าอย่างกิจกรรม Nature Tour มีเจ้าหน้าที่พาเดินเล่นเพื่อถ่ายรูปวิวสวยๆ ในแต่ละจุด ซึ่งจะมีรองเท้าที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้เดินเหยียบหิมะได้แบบสบายๆ ไม่ติดหล่ม แรกๆ อาจรู้สึกหนักอึ้งและเดินไม่ค่อยเป็น แต่เมื่อชินแล้ว เจ้ารองเท้าคู่นี้จะพาเราเดินย่ำไปบนหิมะนุ่มๆ ราวกับแป้งได้เพลินสุดๆ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการเกร็งขาที่เมื่อยสุดๆ เช่นกัน หากคิดเสียว่าเป็นการออกกำลังกายเฉพาะส่วนก็จะรู้สึกดีขึ้น เส้นทางที่เดินก็จะไม่ไกลมาก กิจกรรมนี้ราคา 5,500 เยน (ประมาณ 1,500 บาท)

 

 

Snow Rafting 

ชีวิตนี้ไม่เคยอยากล่องแก่งเลย เพราะรู้สึกกลัวน้ำ แต่พอเป็นการล่องแก่งบนผืนหิมะนุ่มๆ ที่เมืองไทยไม่มีเลยไม่พลาด เขาจะใช้สโนว์โมบิลขับลากเรือยางที่จุได้ประมาณ 4-5 คน วิ่งไปบนหิมะที่มีทั้งทางราบและเนินเล็กเนินน้อย บอกเลยว่าสนุกมาก ยิ่งถ้ามากับแก๊งเพื่อนจะได้ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดท้าทายความหนาวกันสนุกเลย ใช้เวลาราว 10-15 นาทีต่อรอบ ราคาเด็ก 1,650 เยน (ประมาณ 450 บาท) ราคาผู้ใหญ่ 2,200 เยน (ประมาณ 600 บาท) ถือว่าไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับประสบการณ์สนุกๆ ที่หาเล่นได้ยากแบบนี้ 

 

 

Snow Bike 

ใครจะไปคิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้ลองซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ที่แว๊นไปบนผืนหิมะ เป็นกิจกรรมที่สนุก แอบหวาดเสียว แต่ก็สะใจสุดๆ เมื่อก้าวลงจากเบาะรถ เป็นกิจกรรมที่เปิดประสบการณ์การนั่งมอเตอร์ไซค์ชมวิวที่ต่างออกไป แม้คนขับทั้งสองจะเป็นคุณลุงญี่ปุ่น แต่ก็ขับได้เก่งและเท่มากๆ 

 

 

Snow Mobile

ทันทีที่รู้ว่าจะได้ลองขับสโนว์โมบิลก็ถึงกับตกใจ สารภาพว่าทีแรกรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ หน้าตามันเหมือนเจ็ตสกี แต่คงจะขับยากน่าดู แต่พอเจ้าหน้าที่อธิบายวิธีบังคับรถ การเบรก การเร่งเครื่อง ก็พบว่าไม่น่าจะยากอย่างที่คิด สิ่งที่จำเป็นคือถุงมือ เพราะเมื่อเราขับไปเรื่อยๆ แฮนด์รถที่เราจับอยู่จะร้อนขึ้น แต่หากใส่ถุงมือเอาไว้จะช่วยปกป้องมือให้รู้สึกแค่อุ่นๆ ไม่ร้อนจนเกินไป การขับตามกันไปเรื่อยๆ แล้วพักชมวิวและถ่ายรูปนั้นสร้างความสุขและเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ดี

 

 

Dog Sledding 

เคยเห็นแต่ในทีวี พอมาเห็นของจริงที่มีการใช้สุนัขวิ่งลากรางเลื่อนที่มีคนยืนอยู่ด้านหลังก็ได้แต่บอกตัวเองว่า “ฉันทำใจไม่ได้” ขอเป็นคนยืนดูเฉยๆ ก็แล้วกัน กิจกรรมนี้จะใช้สุนัขสองตัวช่วยกันวิ่งลากคน 1 คนต่อ 1 รอบ ใช้เวลาไม่ถึง 3 นาทีก็เสร็จ สุนัขก็เหมือนเป็นการออกกำลังกายนั่นเอง 

 

 

ซุปแกงกะหรี่ เมนูต้องชิมเมื่อเยือนถิ่นซัปโปโร

นอกเหนือจากกิจกรรมฤดูหนาวสนุกๆ ที่ได้ทำตลอด 3 วันที่พักอยู่ในรุซุสึ รีสอร์ต โฮเทล แล้วก็ได้เวลาออกเดินทางเข้าเมืองซัปโปโรด้วย Social Bus* เพื่อสัมผัสบรรยากาศในเมืองบ้าง ระหว่างทางเราแวะกินมื้อเที่ยงกันที่ร้านดัง Soup Curry Cocoro ร้านนี้เคยคว้าดาวมิชลินจากมิชลิน ไกด์ ฮอกไกโด เมื่อปี 2017 มาแล้ว โดยจุดเด่นอยู่ที่การปลูกข้าวเองในฟาร์มที่คุริยามะ ส่วนมันฝรั่งปลูกและเก็บเกี่ยวจากเกียววะ และสูตรลับที่เป็นหมัดเด็ดของซุปแกงกะหรี่ร้านนี้มาในคอนเซปต์ Richness, Flavor และ Acidity โดยมีให้เลือก 10 เมนู ทั้งผัก ไก่ ซีฟู้ด เบคอน ถั่ว หอย และเนื้อสเต๊กในซุปแกงกะหรี่ ส่วนเรื่องรสชาตินั้น เมื่อเป็นซุปความเข้มข้นจะน้อยกว่าแกงกะหรี่แบบเน้นๆ วิธีกินก็จะต่างออกไป โดยหากเป็นการกินแบบชาวฮอกไกโดแท้ๆ จะตักข้าวแล้วค่อยมาตักซุปในถ้วยเท่านั้น ไม่ใช้วิธีตักน้ำซุปมาคลุกกับข้าวเหมือนที่เราคุ้นเคย 

 

 

ส่วนใครเป็นสายบุฟเฟต์ มีร้านดังในเมืองซัปโปโรที่ตอบโจทย์นักกินสายชาบู พร้อมกับบุฟเฟต์เบียร์และเครื่องดื่มไม่อั้นที่ร้าน Den Japanese Buffet Dining ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่เลว คุณภาพของเนื้อวัว เนื้อหมู อาหารทะเล รวมถึงซูชิต่างๆ รสชาติอร่อยถูกปากคนไทยแน่นอน 

 

 

เดินชมวิวค่ำคืนที่ TV Tower ใจกลางซัปโปโร 

นอกจากการเดินช้อปปิ้งในห้างดัง Esta แล้ว แนะนำให้ไปเที่ยวชมวิวยามค่ำคืนที่ Sapporo TV Tower Observatory ซึ่งเป็นแลนมาร์กอันโดดเด่นของเมืองแห่งนี้ ระหว่างทางไปอาจวางแผนเส้นทางจากร้าน Den Japanese Buffet Dining แล้วค่อยเดินไปก็ได้ เพราะมีระยะที่ไม่ไกล สามารถเดินได้เพลินๆ ระหว่างทางจะเดินผ่านย่านที่เป็นสีสันอย่างซุซุกิโนะ ที่เต็มไปด้วยร้านค้า แหล่งช้อปปิ้ง บาร์ และคาเฟ่มากมาย ปิดท้ายด้วยการขึ้นไปชมวิวยามค่ำคืนที่ TV Tower ที่สวยงามและเต็มไปด้วยเสน่ห์ในแบบฉบับของเมืองซัปโปโร ค่าเข้าชม 720 เยน (ประมาณ 200 บาท) หากมาเป็นกลุ่ม 15 คนขึ้นไปจะอยู่ที่ราคา 550 เยนต่อคน (หรือประมาณ 150 บาท) เท่านั้น ที่นี่เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 09.00-22.00 น.

 

New Otani Inn

 

หลังจากเดินเที่ยวชมวิวยามค่ำคืนจนหนำใจแล้ว อากาศเริ่มหนาวเย็นลงอีก ก็ได้เวลาเดินกลับโรงแรมกันแล้ว คืนสุดท้ายก่อนบินกลับเมืองไทย ฉันกับเพื่อนร่วมทริปพักที่โรงแรม New Otani Inn ซึ่งเป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่บนถนนย่านการค้าใจกลางซัปโปโร ที่นี่สะดวกสบายเหมาะกับนักท่องเที่ยวสุดๆ เพราะอยู่ใกล้ทั้งสถานีรถไฟซัปโปโร และถ้าชอบเดินชมวิว ใกล้ๆ โรงแรมก็มีสวนที่ชื่อ Odori ที่สามารถเดินไปได้เพียง 5 นาที สำหรับทริปนี้ฉันต้องบันทึกไว้เลยว่าเป็นหนึ่งในทริปที่เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ ที่มาพร้อมประสบการณ์ใหม่ๆ มากมาย ระหว่างทางที่นั่งรถ Social Bus ตรงไปสนามบินเพื่อกลับกรุงเทพฯ ฉันแอบตั้งเป้าหมายไว้ในใจว่าระหว่างฉันกับซัปโปโร ดินแดนที่เต็มไปด้วยหิมะสีขาว เราจะต้องได้พบกันอีกครั้ง

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

FYI
  • สายการบินนกสกู๊ตเปิดเส้นทางใหม่ บินตรงจากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) สู่สนามบินนิวชิโตเสะ (New Chitose Airport) ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 777 หากต้องการความสบายที่มากขึ้นในราคาที่สมเหตุสมผล ScootPlus คือทางเลือกใหม่ที่คุ้มค่า ราคาตั๋วไปกลับดอนเมือง-ซัปโปโร ชั้นประหยัด เริ่มต้นที่ 3,670 บาท
  • รุซุสึ รีสอร์ต โฮเทล ราคาห้องพักเดือนธันวาคม เริ่มต้นที่ห้องละประมาณ 10,000 บาทต่อคืน รวมอาหารเช้า ส่วนราคาแพ็กเกจเช่าอุปกรณ์สกี สโนว์บอร์ด สำหรับแขกของโรงแรม แบบ Full Set เริ่มต้นที่ 23,700 เยน ประมาณ 6,500 บาท (สำหรับ 2 วัน 1 คืน) ราคาคอร์สสกี/สโนว์บอร์ด เริ่มต้นที่ 22,000 เยน ประมาณ 6,000 บาท 
  • Social Bus เป็นบริษัทรถบัสเช่าเหมาคันที่มีความเป็นส่วนตัว โดยให้บริการรถรับส่งแบบส่วนตัวตลอดการเดินทางทั่วฮอกไกโด ความพิเศษอยู่ที่การรับส่งที่ยืดหยุ่น มีราคาสมเหตุสมผล และมอบความสะดวกสบายสำหรับกลุ่มครอบครัว เพื่อน หรือผู้เดินทางในจังหวัดฮอกไกโด ราคาเริ่มต้น Day Tour อยู่ที่ 50,000 เยน หรือประมาณ 13,700 บาทต่อวัน
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X