ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเป็นปัญหาที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย ซึ่งสำหรับ ‘แสนสิริ’ ได้มองเห็นสังคมที่เด็กทุกคนได้รับโอกาสที่ยุติธรรมในการได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพโดยไม่คำนึงถึงภูมิหลัง
เชื่อในการส่งเสริมสภาพแวดล้อมแห่งความเท่าเทียมกัน เพื่อให้มั่นใจว่าเด็กๆ โดยเฉพาะจากภูมิหลังที่อ่อนแอจะไม่ถูกทอดทิ้งเนื่องจากความท้าทายทางสังคมหรือข้อจำกัดทางเศรษฐกิจ
จากเหตุผลดังกล่าว ทำให้แสนสิริเดินหน้าต่อยอดโครงการ ‘Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน’ ซึ่งในปีนี้เป็นปีที่ 2 เดินหน้าพันธกิจ ‘1 โรงเรียน 3 รูปแบบ’ ร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และสมัชชาการศึกษาจังหวัดราชบุรี เพื่อลงลึกถึงการแก้ปัญหาตั้งแต่จุดเริ่มต้นของระบบโครงสร้างการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ ผลักดันสู่การแก้ปัญหาอย่างแท้จริงได้ในระดับประเทศ
และจนปัจจุบันนี้ความคืบหน้าพันธกิจโครงการ ‘Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน’ สามารถลดจำนวนเด็กเสี่ยงหลุดออกนอกระบบการศึกษา รวมไปถึงเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษาไปแล้วให้สามารถได้รับการศึกษาและพัฒนาให้มีทักษะการทำงานในโลกยุคใหม่ได้แล้วจำนวน 9,311 คน จากทั้งหมด 10 อำเภอ โดยมีเด็กจำนวนกว่า 200 คนที่ยังไม่เคยได้รับการศึกษาเลย ได้กลับเข้าสู่การเรียน
ทิศทางที่ดีขึ้นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเริ่มต้นโครงการเมื่อปี 2565 โดยความร่วมมือระหว่างบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และ กสศ. ภายใต้เงินสนับสนุนจากการระดมทุนบริจาคช่วยเหลือเด็ก 100 ล้านบาท ในการดำเนินงาน 3 ปี
แม้ว่าเงินทุนจะมีความสำคัญ แต่ อภิชาติ จูตระกูล ประธานกรรมการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ย้ำว่า เงินไม่ใช่ความท้าทายเพียงอย่างเดียวที่จะแก้ไขความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา แต่ต้องมองถึงการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ระดับโครงสร้างการศึกษา เพื่อดันไปสู่นโยบายระดับประเทศต่อไปได้
ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นของโครงสร้างการศึกษาที่ครอบคลุมมากขึ้น โดยระบบที่มีอยู่มักมองข้ามความต้องการที่หลากหลายของเด็กชายขอบ ทำให้หลายคนออกจากระบบการศึกษาในระบบ
ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้ริเริ่มใช้นวัตกรรมกลไกอาสาสมัครอย่าง ‘3 พลังอาสา จังหวัดราชบุรี’ จากการรวมพลัง 3 กลไกท้องถิ่น ได้แก่ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.), อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) และอาสาสมัครการศึกษา (อส.กศ.) เพื่อฟื้นฟูเด็กๆ ทุกมิติ มุ่งดูแลและฟื้นฟูเด็กที่มีความเสี่ยงหลุดออกนอกระบบการศึกษา และทำงานครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่ด้านสุขภาพกาย-ใจ การคุ้มครองทางสังคม และโอกาสทางการศึกษา โดยการผนึกกำลังระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
ดร.บรรเจิด อุ่นมณีรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1 (สพป.ราชบุรี เขต1) ได้เสริมว่า ทางโรงเรียนมหาราช 7, โรงเรียนอนุบาลสวนผึ้ง, โรงเรียนวัดดอนตลุง (ราษฎร์ศรัทธาทาน) ในพื้นที่ สพป.ราชบุรี เขต 1 และโรงเรียนเนกขัมวิทยา สพม.ราชบุรี จะเป็นโรงเรียนนำร่อง 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ ได้แก่ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย
เพื่อจัดการศึกษาให้ตอบโจทย์เด็กที่เสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษาเป็นรายบุคคล และสามารถพัฒนาระบบการศึกษาให้พื้นที่จังหวัดราชบุรีเป็นพื้นที่ Zero Dropout ในอนาคตต่อไป นอกเหนือจากโครงการต้นแบบ ‘1 โรงเรียน 3 รูปแบบ’ แล้ว ทาง กสศ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้โครงการ ‘Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน’ ยังไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาโครงการเพื่อส่งเสริมการศึกษาให้เข้าถึงเด็กทุกคน
ท้ายนี้อภิชาติย้ำว่า แสนสิริมุ่งมั่นเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนแก้ไขที่หยั่งรากลึกถึงโครงสร้างของสังคมและระบบการบริหารจัดการของประเทศไทย และหวังว่า ‘ราชบุรีโมเดล’ จะเป็นโครงการนำร่องในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาเด็กนอกระบบ และสามารถขยายผลต่อในจังหวัดอื่นๆ เพื่อสร้างจุดเปลี่ยนเพื่อการศึกษาของประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน