ความสำเร็จของ ‘แสนสิริ’ แบรนด์อสังหาริมทรัพย์ที่ยืนหยัด ยั่งยืน คู่คนไทยมากว่า 40 ปี ไม่ได้เกิดขึ้นจากความบังเอิญอย่างแน่นอน และยิ่งเคยเผชิญวิกฤตมานับไม่ถ้วนในห้วง 40 ปี ทั้งวิกฤตต้มยำกุ้ง วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ มาจนถึงวิกฤตโควิด-19 รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเปราะบางในขณะนี้ ทว่าแสนสิริยังคงมีอัตราเติบโตทางธุรกิจที่แข็งแกร่งจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่น
ตัวเลขผลประกอบการคือตัวชี้วัดที่ไม่เคยโกหก ตลอด 40 ปีแสนสิริปั้นโครงการไปแล้วกว่า 500 โครงการ 130,000 ยูนิต และจากการรวบรวมรายได้ของผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ที่มีรายได้รวมมากที่สุดในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปี 2567 พบว่าแสนสิริมีรายได้เป็นอันดับ 1 จำนวน 28,877 ล้านบาท
โดยรายได้หลักมาจากการขายบ้านในโครงการจัดสรร โดยเฉพาะกลุ่มบ้านลักชัวรี ในขณะที่คอนโดมิเนียมมีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการในต่างจังหวัดในสัดส่วนที่มากกว่ากรุงเทพฯ
ด้านผลการดำเนินงานที่โดดเด่นต่อเนื่อง ทำให้นิตยสาร Fortune ยกให้แสนสิริเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยในไทย จากการจัดอันดับ 500 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และอีกหลายรางวัลที่สถาบันจัดอันดับต่างๆ มอบให้ รวมถึงล่าสุดก็คว้าเรตติ้งสูงสุดจากการประเมินผลหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ที่ระดับ AAA ซึ่งได้รับการประเมินและจัดอันดับโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และติดอันดับหุ้นยั่งยืนต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน
ไม่แปลกหากปัจจุบันแสนสิริจะถูกยกให้เป็น Dream Job ของคนรุ่นใหม่ การันตีด้วยรางวัลใหญ่ QGEN Thailand Most Attractive Companies 2024 เป็น 1 ใน 55 บริษัทที่คนอยากร่วมงานด้วยมากที่สุด และ Top 50 Employers in Thailand 2023 หรือ 50 องค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วยมากที่สุดจากการสำรวจของ WorkVenture
แต่กว่าจะลงเสาเข็มที่แข็งแรง สร้างฐานรากที่มั่นคงจนกลายเป็นองค์กรที่ยืนหยัด ยั่งยืน ตลอด 40 ปีอย่างที่เห็นนี้ แสนสิริใช้วัตถุดิบอะไรในการคิดค้นและสร้าง ‘สูตรโตแกร่ง 40 ปี’ บ้าง THE STANDARD จะพาไปถอดสูตร
- DNA องค์กร วัตถุดิบหลักที่ทำให้แสนสิริยืนหยัด-ยั่งยืน
‘RESILIENT GROWTH’ หรือการดำเนินธุรกิจที่พร้อมเปลี่ยนแปลง รวดเร็ว และต่อเนื่อง คือแนวทางสำคัญที่ทำให้แสนสิริยืนหยัดอย่างยั่งยืนมาจนถึงทุกวันนี้
แต่การจะขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทางนี้ได้ ต้องเกิดจากรากฐานสำคัญนั่นคือ DNA ขององค์กร ได้แก่
- SPEED TO MARKET การเข้าถึงตลาดให้เร็วด้วยคุณภาพของสินค้าและบริการ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของบริษัท
- ATTENTION TO DETAIL ใส่ใจรายละเอียดในงาน ทั้งกับเพื่อนร่วมงาน คิดถึงใจเข้าใจเรา เคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน
- OWNERSHIP คำนึงอยู่เสมอว่าคือบริษัทของตัวเอง ทำสิ่งที่ดีที่สุดและรับผิดชอบกับผลลัพธ์ โดยใช้หลัก WORK FROM HEART
- GOOD CITIZEN ตอบแทนสังคม เป็นพลเมืองที่ดี ยอมรับความเห็นต่างหลากหลาย ความเท่าเทียม เต็มเติมสังคมในทุกมิติ
- ธุรกิจเติบโต สังคมก็ต้องเติบโต
ความมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสังคม เป็นสิ่งที่แสนสิริเชื่อว่ามีส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืน และส่งผลให้องค์กรเติบโตต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้
อาทิ ในมิติด้านสังคม แสนสิริริเริ่มโครงการ No One Left Behind #แสนสิริไม่ทอดทิ้งใคร ต้องไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง มุ่งหวังที่จะสร้างสังคมที่ดี ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม เพื่อที่ทุกคนจะสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความปลอดภัยในชีวิต ผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมมากมายภายใต้โครงการ ไม่ว่าจะเป็น สนับสนุนทุนการศึกษาผ่าน ‘มูลนิธิเสริมกล้า’ หรือการสร้างแคมเปญ ‘บ้านแสนธรรมดา’ เมื่อปี 2561 เปิดระดมทุนออนไลน์จากแสนสิริเพื่อองค์การยูนิเซฟ และเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่ได้รับเลือกจากยูนิเซฟให้เป็น ‘UNICEF’s First Selected Partner in Thailand’
หรือในยามที่เมืองไทยประสบวิกฤต แสนสิริก็ไม่รอช้าที่จะให้ความช่วยเหลือ อาทิ กรณีเกิดอุทกภัยภาคเหนือหนักที่สุดในรอบ 80 ปี แสนสิริระดมสรรพกำลังลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย และยังมอบเงินบริจาคจำนวน 2,000,000 บาทให้แก่สภากาชาดไทย
- ความยั่งยืนของโลกคือความรับผิดชอบของแบรนด์
เพราะภาวะโลกเดือดเป็นสิ่งที่ภาคธุรกิจต้องร่วมกันรับผิดชอบ แสนสิริจึงเป็นแบรนด์อสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่ตั้งเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 โดยเริ่มตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง จนถึงการส่งมอบบ้านพลังงานสะอาด เพื่อให้ลูกบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างสมบูรณ์ และช่วยประหยัดพลังงานผ่าน 3 กลยุทธ์ ได้แก่
- Green Procurement: เลือกใช้วัสดุ Green Product และเลือกคู่ค้าที่ใส่ใจกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน ใช้วัสดุในการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- Green Architecture and Design: การออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน สร้างสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย เช่น Cool Living Designed Home นวัตกรรมบ้านเย็นช่วยประหยัดพลังงาน, Zero Waste Design การออกแบบที่ลดการสิ้นเปลืองและลดปริมาณขยะให้มากที่สุด, Universal Design การออกแบบเพื่อทุกคน ทุกวัย, Well-being ด้านคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของผู้อยู่อาศัย สะอาดปราศจากเชื้อโรค เสริมสร้างที่อยู่อาศัยด้วยนวัตกรรมเพื่อโลกและสิ่งแวดล้อม
- Green Construction: ปรับเปลี่ยนขั้นตอนก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อโลก ลดระยะเวลาสร้าง ลดฝุ่น ลดขยะ ลดการปล่อยคาร์บอน แสนสิริเป็นอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่มีโรงงานพรีคาสท์สีเขียว ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 & ISO 14001 ทั้งระบบบริหารงานคุณภาพและระบบจัดการสิ่งแวดล้อม ได้รับการรับรองฉลากเขียวจากกระทรวง สามารถลดขยะภายในโรงงานได้มากถึง 98% มีกำลังการผลิต 1,500,000 ตารางเมตรต่อปี และสามารถผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปที่ใช้ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย 3,700 ยูนิตต่อปี
- ปรับกลยุทธ์จัดพอร์ตสินค้ากระจายหลายทำเล
ด้านกลยุทธ์ธุรกิจ นอกเหนือจากจะรักษาระดับการเติบโตของผลการดำเนินงานด้วยการเปิดตัวโครงการอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังบริหารจัดการพอร์ตสินค้าพร้อมขายให้กระจายไปในหลายทำเลเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เมื่อรวมโครงการเปิดใหม่ในปี 2567 แสนสิริจะมียูนิตพร้อมขายทั่วประเทศรวมมูลค่า 146,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้แสนสิริจะมีรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องใน 3 ปีข้างหน้า
ภายใต้กลยุทธ์นี้ แสนสิริพร้อมขยายโอกาสในการลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ๆ เพื่อพัฒนาโครงการร่วมกัน ตลอดจนกลับไปรุก Strategic Location หัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ มีโรดแมปการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ชัดเจน
โดยเฉพาะการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นหนึ่งใน Strategic Location ล่าสุดกับการเปิดตัว ‘THE SOCIETY’ Social Space แห่งแรกใจกลางย่านบางเทา-เชิงทะเล คอมมูนิตี้นานาชาติ แลกเปลี่ยนประสบการณ์หลากหลาย Day-to-Night Eatery มุ่งสู่การเป็น Global Lifestyle Brand แบรนด์ระดับสากล รวมถึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนภูเก็ตอย่างยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม โดยเน้นแนวคิดที่ลดการใช้พลังงาน ใช้วัสดุท้องถิ่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสอดคล้องกับบริบทโดยรอบ
- ยกระดับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยที่มุ่งสร้างสังคมที่อยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ
ส่วนผสมสุดท้ายที่ทำให้แสนสิริยืนหยัด ยั่งยืน และยังตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรีก็คือ การสานต่อโมเดลความสำเร็จ ‘Sansiri Community’ ยกระดับสังคมอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการสร้าง ‘SANSIRI 10 EAST’ ลักชัวรีคอมมูนิตี้แลนด์มาร์กใหม่บนถนนบางนา กม.10 ให้เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย ภายใต้ 4 แบรนด์โครงการระดับลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรี ได้แก่ บ้านแสนสิริ, ณริณสิริ, นาราสิริ และเศรษฐสิริ บนพื้นที่ 165 ไร่ มูลค่ารวมกว่า 18,000 ล้านบาท
การพัฒนาโครงการ ‘SANSIRI 10 EAST’ ถือเป็นการยกระดับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยที่มุ่งสร้างสังคมที่อยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบบนพื้นฐาน 4 แกนหลัก ได้แก่ ความเป็นเลิศด้านคุณภาพของโครงการ ดีไซน์ และวัสดุ, ทำเลที่ตั้งโดดเด่น เดินทางสะดวก, การออกแบบที่คำนึงถึงความยั่งยืน และการบริการหลังการขายที่ดูแลลูกค้าในระยะยาว
และทั้งหมดนี้คือ 5 องค์ประกอบสุดแข็งแกร่งของแสนสิริที่ก่อให้เกิด ‘สูตรโตแกร่ง 40 ปีแสนสิริ’ ที่พร้อมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง จนสามารถรักษามาตรฐานความเป็นหนึ่งของวงการอสังหาริมทรัพย์ในทุกมิติ และสร้างภูมิคุ้มกันให้แบรนด์ยืนหยัดได้ในทุกวิกฤต ด้วยการยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการไปพร้อมกับความยั่งยืน และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน Ecosystem ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน