ย้อนกลับไปในปี 2527 เมล็ดพันธุ์แห่งความฝันของ ‘แสนสิริ’ ได้ถูกหว่านลงบนผืนดินอันอุดมสมบูรณ์ของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ใครจะคาดคิดว่าจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ นี้จะเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ที่แข็งแกร่ง แผ่กิ่งก้านสาขาออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง และกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จที่ทุกคนยอมรับ
ในช่วงแรกแสนสิริเข้าสู่ธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการแรกคือ โครงการบ้านไข่มุก ซึ่งเป็นอาคารชุดริมหาดหัวหิน มีมูลค่าต้นทุนโครงการประมาณ 250 ล้านบาท และประสบความสำเร็จอย่างสูง เป็นก้าวแรกที่ทำให้แสนสิริได้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของลูกค้าในด้านของการพัฒนาโครงการคุณภาพในตลาดระดับสูง
หลังจากนั้นด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุด ทำให้แสนสิริไม่หยุดที่จะพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากโครงการแรกสู่โครงการที่ 500 ในปี 2567 แสนสิริได้สร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยมากกว่า 130,000 ยูนิตให้กับลูกค้ากว่า 200,000 ราย ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่สถิติ แต่เป็นเครื่องยืนยันถึงความไว้วางใจและความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์แสนสิริ
ดีไซน์ที่เหนือกว่า กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้แสนสิริประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องคือ การให้ความสำคัญกับ ‘ดีไซน์’ อย่างจริงจัง แสนสิริเชื่อว่าดีไซน์ที่ดีไม่ใช่เพียงแค่ความสวยงาม แต่ต้องตอบโจทย์การใช้งาน สร้างความสุข และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย
ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา แสนสิริได้สร้างสรรค์ผลงานดีไซน์ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น คอนโดมิเนียมสุดหรู หรือทาวน์โฮมที่ทันสมัย ทุกโครงการของแสนสิริล้วนได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน โดยคำนึงถึงทุกรายละเอียดตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ การจัดวางพื้นที่ใช้สอยให้ลงตัว ไปจนถึงการตกแต่งภายในที่สวยงามและมีสไตล์
ความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ดีไซน์ที่เหนือกว่านี้ ทำให้แสนสิริได้รับรางวัลด้านการออกแบบมากมายทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็น รางวัล PropertyGuru Thailand Property Awards, รางวัล Asia Pacific Property Awards และรางวัล International Property Awards
‘ดีไซน์เพื่ออนาคต’ นิยามใหม่ของการใช้ชีวิตที่สะท้อนผ่าน 4 แบรนด์ใหม่
ในวาระครบรอบ 40 ปี แสนสิริได้ประกาศแนวคิดใหม่ ‘ดีไซน์เพื่ออนาคต’ (Design for Future) ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรฐานการออกแบบที่อยู่อาศัยไปอีกขั้น โดยคำนึงถึง 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่
- Design for Aesthetic Living: การออกแบบที่พิถีพิถันและใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่สวยงามและมีคุณภาพ
- Design for Space Optimization: การออกแบบพื้นที่ให้สามารถปรับเปลี่ยนและใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย
- Design for Sustainability: การออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน เพื่อสร้างสังคมที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน
แนวคิด ‘ดีไซน์เพื่ออนาคต’ ไม่ใช่เพียงแค่คำพูดสวยหรู แต่แสนสิริได้นำมาปรับใช้จริงในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า จนมาเป็น ‘4 แบรนด์ใหม่’ ที่มีเอกลักษณ์และจุดเด่นที่แตกต่างกัน ได้แก่
- ณริณสิริ (Narinsiri): บ้านเดี่ยวระดับพรีเมียมสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหราและความเป็นส่วนตัว
- เมเบิล (Mabel): บ้านเดี่ยวราคาเข้าถึงง่ายสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นสร้างครอบครัว
- เอลซ์ (ELSE): เอ็กซ์คลูซีฟเรสซิเดนซ์สำหรับผู้ที่มองหาที่อยู่อาศัยที่มีความเป็นส่วนตัวสูงสุด
- พินน์ (PYNN): คอนโดมิเนียม Low-Rise รูปแบบใหม่ที่เน้นความเงียบสงบและความเป็นส่วนตัว
การเปิดตัว 4 แบรนด์ใหม่นี้เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของแสนสิริในการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์ งบประมาณ หรือความชอบส่วนตัว
#Sansiri40years ตอกย้ำ Taste-Maker Brand สู่ประสบการณ์ที่เหนือกว่า
แสนสิริไม่ได้มองว่าบ้านหรือคอนโดเป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นพื้นที่ที่สร้างแรงบันดาลใจ สร้างความสุข และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัย ดังนั้นแสนสิริจึงไม่หยุดที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
แคมเปญ #Sansiri40years คือเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นนี้ โดยแสนสิริได้นำเสนอประสบการณ์ที่เหนือกว่าผ่านหลากหลายมิติ ตั้งแต่การสร้างสรรค์ Young Artist Community เพื่อสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่, การนำเศษวัสดุเหลือใช้จากการก่อสร้างมาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่า (Sansiri Waste to Worth) ไปจนถึงการออกแบบชุดยูนิฟอร์มพนักงานขายและกระเป๋าโอนกรรมสิทธิ์ที่สวยงามและมีเอกลักษณ์
ทุกองค์ประกอบของแคมเปญนี้ล้วนสะท้อนถึงความเป็น Taste-Maker Brand ของแสนสิริ ที่ไม่เพียงแต่สร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ แต่ยังเป็นผู้นำเทรนด์และสร้างแรงบันดาลใจให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย
40 ปีแห่งความท้าทายและการปรับตัว
“เราอยู่ในสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงและการแข่งขันของธุรกิจที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมาย ธุรกิจจึงต้องปรับตัวอย่างหนัก เพื่อวิ่งให้ทันกระแสสังคม รวมถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความหลากหลายของผู้บริโภค” ศรีอำไพ รัตนมยูร ประธานผู้บริหารสายงานการตลาด บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าว
“เหล่านี้ล้วนเป็นความท้าทายของแบรนด์ที่ต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด ต้องทำการตลาดที่ลงลึกมากขึ้น มองหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ เพื่อก้าวข้ามสิ่งต่างๆ และอยู่เคียงข้างลูกค้าในทุกสถานการณ์ ซึ่งทั้งหมดนี้เพื่อมุ่งสู่การส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและสังคม”
ทั้งหมดนี้ได้หล่อหลอมให้ทุกๆ วันของแสนสิริในการมุ่งมั่นมอบความสุขรอบด้านให้กับลูกบ้าน ครอบคลุม 360 องศาของชีวิต ใส่ใจทุกรายละเอียดของไลฟ์สไตล์ ซึ่งจะเป็นอีก 1 ยุทธศาสตร์ใหญ่ สร้างมิติของแบรนด์สู่หมุดหมายใหม่ เพื่อทำให้แสนสิริเป็นแบรนด์ที่เข้าใจและเข้าถึงทุกคน รักษาความเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนที่อยากมีบ้าน และสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ได้ในระยะยาว
แสนสิริยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยแผนการเปิดตัว 46 โครงการใหม่ในปี 2567 มูลค่ารวมกว่า 61,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดในอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 52,000 ล้านบาท และเป้ายอดโอนที่ 43,000 ล้านบาท
นี่คือเครื่องพิสูจน์ถึงความเชื่อมั่นของแสนสิริในศักยภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย และความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ตำนานบทใหม่ของแสนสิริ
40 ปีที่ผ่านมาคือบทพิสูจน์แห่งความสำเร็จของแสนสิริ แต่เส้นทางแห่งการสร้างสรรค์ยังไม่สิ้นสุด แสนสิริยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยและประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ดีที่สุดให้กับคนไทย
ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ความเชี่ยวชาญด้านดีไซน์ และความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง เชื่อว่าแสนสิริจะยังคงเป็นแบรนด์ที่ทุกคนไว้วางใจและเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน
ตำนานบทใหม่ของแสนสิริกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้