ไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับการทำลายสถิติใดๆ แต่ก็ไม่เกินความสามารถ ล่าสุด แสนสิริ อสังหาเบอร์ต้นของประเทศ สร้างสถิติใหม่ ALL-TIME HIGH สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 40 ปี และเติบโตสูงสุดในอุตสาหกรรมอสังหาเพื่ออยู่อาศัย ด้วยกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 6,060 ล้านบาท โตพุ่ง 42% จากปี 2565 สร้างยอดขายกว่า 49,000 ล้านบาท รายได้รวมอยู่ที่ 39,082 ล้านบาท
หากเทียบตัวเลขกำไรสุทธิย้อนหลัง 3 ปี จะเห็นว่าแสนสิริทุบสถิติใหม่ทุกปี อย่างปี 2564 ทำกำไรสุทธิ 2,017 ล้านบาท ปีต่อมา (2565) ทำกำไรสุทธิ 4,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112% ในขณะที่ปี 2566 ทำกำไรสุทธิรวม 6,060 ล้านบาท สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับว่าเป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตด้านกำไรสุทธิสูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้
ไม่แต่เฉพาะกำไรสุทธิที่แตะ ALL-TIME HIGH รายได้รวมก็ทุบสถิติใหม่เช่นกัน อยู่ที่ 39,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อนหน้า สร้างยอดขายกว่า 49,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูง โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยวที่แสนสิริเป็นเจ้าตลาดอสังหาในระดับลักชัวรี และมียอดโอนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา, เศรษฐสิริ ดอนเมือง, นาราสิริ พหล-วัชรพล, บูก้าน กรุงเทพกรีฑา และบุราสิริ วัชรพล
ขณะที่คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ที่สามารถขายและรับรู้รายได้ทันที ได้แก่ โครงการเอ็กซ์ที พญาไท, เอ็กซ์ที ห้วยขวาง, ดีคอนโด พนา, โอกะ เฮ้าส์, เอดจ์ เซ็นทรัล พัทยา, เดอะ เบส เพชรบุรี-ทองหล่อ และเดอะ มูฟ บางนา
แม้ว่าศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ระดับประเทศจะเคยวิเคราะห์ว่าตลาดอสังหาทั่วประเทศปี 2566 ยังคงชะลอตัวลง ผลจากกำลังซื้อที่เติบโตลดลง แต่ดูเหมือนว่าแสนสิริสามารถปรับกลยุทธ์การพัฒนาโครงการจนได้รับความเชื่อมั่นจากกลุ่มลูกค้าลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรี ด้วยคุณภาพและบริการจากแสนสิริที่เหนือกว่า ผ่านประสบการณ์จริงของลูกค้าที่ได้สัมผัส
ขณะเดียวกันการควบคุมวินัยทางการเงินของบริษัทฯ การบริหารงานก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อส่งมอบที่อยู่อาศัยคุณภาพให้กับลูกค้า ยังเป็นปัจจัยบวกให้แสนสิริมีประสิทธิภาพในการทำกำไรและสร้างรายรับให้มีศักยภาพสูง
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายปี 2567 แสนสิริจะเปิดตัวโครงการใหม่ 46 โครงการ มูลค่ารวม 61,000 ล้านบาท (มูลค่าสูงสุดในกลุ่มธุรกิจอสังหา) ตั้งเป้ายอดขาย 52,000 ล้านบาท และเป้าหมายยอดโอนที่ 43,000 ล้านบาท
ด้านกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กร จะมุ่งพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ปรับการบริหารจัดการพอร์ตสินค้าพร้อมขายให้กระจายไปในหลากหลายทำเล โดยกลับไปรุกหัวเมืองท่องเที่ยวและจังหวัดใหญ่ เพื่อสร้างโอกาสและความได้เปรียบในการแข่งขัน ผ่านการควบคุมระดับสินค้าเพื่อการขายในแต่ละระดับราคาให้อยู่ระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ จะรักษาระดับผลประกอบการให้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ ให้ความสำคัญกับวินัยทางการเงิน พร้อมระดับสภาพคล่องที่ 17,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้เตรียมโอน 10 คอนโดมิเนียม มูลค่า 14,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ แสนสิริยังมุ่งสร้างผลตอบแทนสูงสุดกับผู้ถือหุ้น จากผลกำไรที่เติบโตต่อเนื่อง เตรียมประกาศจ่ายเงินปันผลประจำปีให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท โดยมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเมื่อเดือนกันยายน 2566 ไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท เตรียมจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในเดือนพฤษภาคมนี้ ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็น Dividend Yield ปี 2566 อยู่ที่ 10.8%
วิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า “จากความแข็งแกร่งของแบรนด์จนสร้างความสำเร็จครั้งใหญ่ในปีที่ผ่านมา แสนสิริยังวางแผนยกระดับคุณภาพของสินค้า บริการ และความยั่งยืน เพื่อครองยอดขายเบอร์หนึ่งผู้นำอสังหาลักชัวรีต่อไป”
