วันนี้ (28 มิถุนายน) สันธนะ ประยูรรัตน์ สมาชิกพรรคก้าวไกล เข้าให้ถ้อยคำประกอบคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพิ่มเติม กรณีพรรคก้าวไกลเพิกเฉย ไม่ดำเนินการ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กรณีทำร้ายร่างกาย และเป็นผู้ร่วมหาเสียงกับพรรคก้าวไกลทั้งที่ไม่เป็นสมาชิกพรรค
ระหว่างตนกับชูวิทย์มีเหตุที่ทำให้มาร้องเรียนกับ กกต. เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน กรณีที่ชูวิทย์ได้ให้ร้ายตนที่ที่ทำการพรรคก้าวไกลเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ซึ่งตนในฐานะสมาชิกได้รับความเสียหาย เพราะข่าวที่ปรากฏออกไปไม่เป็นความจริง ตนจึงได้ทำหนังสือไปยังหัวหน้าพรรคก้าวไกลว่าตนในฐานะสมาชิกได้รับความเสียหายจากที่ชูวิทย์และกรรมการบริหารพรรคบางคน ต้องการให้คณะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณของพรรคพิจารณาเรื่องดังกล่าว
สันธนะกล่าวต่อว่า แต่พรรคไม่ได้ดำเนินการใดๆ ตนจึงมายื่นร้องต่อ กกต. ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 22 วรรค 2 ที่คณะกรรมการบริหารพรรค ไม่สามารถควบคุมสมาชิกให้กระทำการที่อาจทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใด และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 มาตรา 12 และมาตรา 27 รู้เห็นเป็นใจ หรือไม่ระงับการกระทำที่ฝ่าฝืน พ.ร.ป. นี้ จนเป็นเหตุให้การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือเที่ยงธรรม
สันธนะกล่าวว่า เหตุที่ไม่ได้ยื่นเรื่องทันทีหลังเกิดเหตุเป็นเพราะรอการประกาศรับรอง ส.ส. ยืนยันในวันที่ 19 มิถุนายนให้แล้วเสร็จ เพื่อยืนยันว่าไม่ได้กลั่นแกล้ง ส.ส. ของพรรคก้าวไกลคนหนึ่งคนใด
สันธนะกล่าวว่า ชูวิทย์เป็นบุคคลภายนอก ซึ่งมีความปรากฏในหน้าสื่อชัด และตนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวพิธาต้องทราบดีว่าชูวิทย์ไม่ได้เป็นผู้ช่วยหาเสียงและไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล เหตุใดจึงละเลยหรือสมยอมให้ชูวิทย์ไปใช้พื้นที่ ทำให้พรรคการเมืองอื่นได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นหน้าที่ของ กกต. ที่จะต้องวินิจฉัย เชื่อว่า เรื่องนี้ กกต. ไม่ได้ใช้เวลานาน ในการพิจารณาได้ดำเนินการไปในระดับหนึ่งแล้ว
“พรรคก้าวไกลอาจจะเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องภายใน ผมบอกแล้วคุณอย่าไปสะดุดยอดหญ้าหกล้มเอง คุณอาจจะมองเรื่องนี้เป็นเรื่องเท่ารู้เข็ม แต่ถ้าวันนี้มันเป็นอุกกาบาตขึ้นมาจะแก้ไขยังไง นี่คืออีกหนึ่งบทเรียนสำหรับว่าที่นายกรัฐมนตรีว่าการจะก้าวสู่ตำแหน่งสูงสุดของประเทศไม่ใช่หัวหน้าพรรคการเมือง แล้วถ้าเรื่องนี้กระทบต่อการโหวตพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ผมก็ขอแสดงความเสียใจกับหลายท่านที่เชียร์พิธาอยู่” สันธนะกล่าว
ทั้งนี้ สันธนะยังย้ำว่าตนยังเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลอยู่ ในเมื่อคุณพูดว่าพรรคก้าวไกลเป็นของประชาชน ก็ต้องฟังเสียงประชาชน ส่วนจะลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้น ตนไม่ลาออก แต่ชอบให้ไล่ออกมากกว่า
