ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำเมื่อวานนี้ (7 พฤษภาคม) วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า
“วันนี้เราได้ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานต่างชาติของโรงงานแห่งหนึ่งในสมุทรสาคร จึงได้ปิดโรงงาน 14 วัน กักตัวพนักงานที่มีความเสี่ยงสูงในหอพัก และเร่งดำเนินการตรวจเชิงรุกทันที นอกจากนี้เพื่อความปลอดภัยของทุกท่าน ทางสมุทรสาครจะเฝ้าระวังเชิงรุกกันให้เข้มข้นขึ้น โดยประกันสังคมจะเตรียมการตรวจโควิด-19 ทางน้ำลาย 15,000 ราย โดยเฉพาะบริเวณใกล้เคียงกับสถานที่ซึ่งพบการติดเชื้อ
“นายอำเภอทั้ง 3 อำเภอจะช่วยชี้เป้าหมายพื้นที่แออัดของสมุทรสาคร และสุ่มตรวจกันเพิ่มเติมในพื้นที่เหล่านี้อีกสัปดาห์ละ 500 คน (นอกเหนือจากกลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มสัมผัสผู้ป่วยซึ่งต้องตรวจอยู่แล้วนะครับ)
“ช่วงนี้ยังได้รับข้อมูลทั้งจากประชาชนและภาคเอกชนว่ามีแรงงานต่างชาติหลบหนีเข้าเมืองจำนวนมาก โดยจากการเข้าจับกุมแรงงานต่างชาติในจังหวัดหนึ่งระบุว่า สมุทรสาครและกรุงเทพมหานครเป็นหนึ่งในจุดหมายสำคัญของกลุ่มนี้ ซึ่งนั่นก็อาจทำให้เราเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดอีกครั้ง
“สำหรับประเด็นนี้ เจ้าหน้าที่ได้เร่งตรวจค้นตามเบาะแสที่แจ้งมาทันที และหลังจากนี้เราจะตรวจค้นเชิงรุกกันอีกอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากพรุ่งนี้ จะมีการประชุมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการนำเข้าแรงงานต่างชาติทั้งหมด เพื่อหารือแนวทางทำงานร่วมกันให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด
“แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่สบายใจเลย ท่ามกลางวิกฤตเช่นนี้ คนไทยด้วยกันเองกลับ ‘เปิดประตูบ้าน’ ลักลอบทำเรื่องผิดกฎหมายเพราะหวังผลประโยชน์ตอบแทนเป็นตัวเงิน โดยไม่คิดเลยว่ามันจะกระทบกลายเป็นปัญหาใหญ่ ทำลายสวัสดิภาพและสร้างปัญหาปากท้องของ ‘คนบ้านเดียวกัน’ ทั้งที่รู้ว่าทุกคนกำลังย่ำแย่เต็มที
“วิกฤตครั้งใหญ่ที่ผ่านมาแม้ชาวสมุทรสาครหลายท่านยังไม่ฟื้นตัวดีนัก แต่ยังมีน้ำใจสนับสนุนการดูแลผู้ติดเชื้อจากพื้นที่ใกล้เคียง ขอบคุณชาวสมุทรสาครอย่างมากสำหรับความร่วมมือในทุกด้าน รวมทั้งคอยเป็นหูเป็นตาให้กัน ช่วยดูแลบ้านเรา ผมยินดีรับฟังคำแนะนำและข้อมูลของทุกท่าน เพื่อเราจะได้ช่วยกันป้องกันสมุทรสาครให้ปลอดภัยและกลับมาฟื้นตัวได้โดยเร็วที่สุดครับ”
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า