×

เจาะเบื้องหลังการสร้างโรงพยาบาลเด็กแห่งอนาคตของ ‘โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล’ ด้วยแนวคิดที่อยากเห็นเด็กทุกคน #โตไปไม่ป่วย [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
25.03.2025
  • LOADING...
โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล

รู้หรือไม่ ความหลากหลายของกลุ่มโรคหายาก (Rare Diseases) ในโลกใบนี้มีมากกว่า 7,000 โรค กว่า 80% มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของพันธุกรรม มากถึง 50% เกิดในเด็กเล็ก และ 30% เสียชีวิตก่อนอายุ 5 ปี

 

การวินิจฉัยและรักษาที่ล่าช้า โดยเฉพาะ ‘โรคหายากและซับซ้อนในเด็ก’ เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง เนื่องจากอาการของโรคหายากมีความซับซ้อน บางอาการใกล้เคียงกับโรคอื่นๆ ทำให้วินิจฉัยยาก การขาดเครื่องมือที่มีความพร้อมและบุคลากรทางการแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญทำให้การวินิจฉัยไม่ตรงกับโรคหรือวินิจฉัยช้า นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนเกินกว่าจะรักษาหรือแก้ไขได้ จนอาจนำไปสู่ความสูญเสีย

 

หนึ่งในโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์กุมารเวชศาสตร์คือ ‘กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช’ดูแลผู้ป่วยเด็กปีละกว่า 300,000 รายต่อปี และผู้ป่วยเด็กที่รักษาตัวในโรงพยาบาลอีกกว่า 30,000 รายต่อปี

 

 

ด้วยเหตุนี้ กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช จึงทุ่มงบกว่า 2,000 ล้านบาท ขยายแผนกเด็กสู่ ‘โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล’ ยกระดับการดูแลสุขภาพเด็กสู่ระดับนานาชาติ ชูจุดแข็งการรักษาเฉพาะทางโรคหายากในเด็กด้วยกุมารแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านกว่า 100 ท่าน พร้อมนำเทคโนโลยีและแนวคิดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) มาพัฒนาประสบการณ์การรักษาให้เหนือกว่าที่เคย ตั้งเป้าป้องกันรักษาทุกมิติสุขภาพเพื่อให้เด็กไทยมีสุขภาพดีติดตัวไปตลอดชีวิต ภายใต้แนวคิด #โตไปไม่ป่วย ตอบโจทย์ความต้องการของพ่อแม่ที่อยากเห็นลูกโตไปมีสุขภาพที่ดี

 

 

‘โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล’ ตั้งอยู่ในพื้นที่ของโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ เป็นอาคารเฉพาะทางที่รองรับผู้ป่วยเด็กถึง 8 ชั้น ด้วยจำนวนเตียงมากถึง 111 เตียง รวมเตียงสำหรับผู้ป่วยเด็กวิกฤต 12 เตียง และทารกแรกเกิดวิกฤต 8 เตียง อีกทั้งยังมีวอร์ดรองรับเพื่อรักษาผู้ป่วยเด็กทั้งในและต่างประเทศเฉพาะ เช่น ศูนย์โรคเลือดและโรคมะเร็งในเด็ก และศูนย์ปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (Pediatric Blood and Cancer Center and Stem Cell Transplantation Center), หอดูแลทารกวิกฤต (Neonatal Intensive Care Unit: NICU), หอดูแลผู้ป่วยเด็กวิกฤต (Pediatric Intensive Care Unit: PICU), หอผู้ป่วยเด็กกึ่งวิกฤต (Pediatric Progressive Care Unit: PPCU) รวมไปถึงห้องผ่าตัดเฉพาะทางเด็กในรูปแบบไฮบริดที่ได้รับการออกแบบและก่อสร้างมาโดยเฉพาะ

 

ทีมกุมารแพทย์เฉพาะทางกว่า 100 ท่าน รองรับการรักษาโรคซับซ้อน

 

จุดแข็งของที่นี่คือการเป็นศูนย์แห่งความเป็นเลิศในการรักษาเฉพาะทางโรคหายากในเด็ก สามารถรักษาเด็กตั้งแต่แรกคลอดจนถึงอายุ 18 ปี ด้วยทีมกุมารแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางกว่า 100 ท่าน รวมถึงบุคลากรสหสาขาวิชาชีพที่มีประสบการณ์สูงและมีความชำนาญ ที่ผ่านการฝึกปฏิบัติการขั้นสูงจากต่างประเทศ

 

 

ได้แก่ ‘ศูนย์โรคหัวใจและการผ่าตัดหัวใจในเด็กและทารก’ ผ่าตัดหัวใจเด็กพิการแต่กำเนิด และโรคหัวใจชนิดต่างๆ ให้หายขาดแล้วกว่า 400 ราย ผ่าตัดรักษาโรคหัวใจได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิด และสามารถใช้กระบวนการสวนหัวใจ Cath Lab แทนการผ่าตัดได้ในเคสที่วินิจฉัยแล้วว่าไม่จำเป็นต้องผ่าตัด หรือแม้แต่การผ่าตัดด้วยวิธี Closed Heart Surgery และ Opened Heart Surgery ภายในห้องผ่าตัดไฮบริดที่ใช้ Biplane Technology บนเครื่อง X-Ray ถ่ายภาพได้หลายระนาบ ลดการสัมผัสรังสี รวมไปถึงการรักษาด้วยวิธี Transcatheter Cardiac Intervention หรือภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ลิ้นหัวใจอักเสบ โรคหัวใจรูมาติก โรคคาวาซากิ และหลอดเลือดหัวใจโป่ง เป็นต้น

 

 

ศูนย์โรคเลือดและโรคมะเร็งในเด็ก และศูนย์ปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด’ ด้วยนวัตกรรมการรักษาที่ทันสมัย เช่น Hematopoietic Stem Cell Transplantation การปลูกถ่ายไขกระดูกรักษาโรคธาลัสซีเมีย โรคมะเร็ง และโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องปฐมภูมิ ด้วยเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดขาวจากพ่อหรือแม่ หรือ CAR T-Cell Therapy การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองและมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) ที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีการปกติด้วยวิธีพันธุวิศวกรรมที่ทันสมัย

 

ที่ผ่านมาสามารถรักษาผู้ป่วยเด็กโรคเลือดจางธาลัสซีเมีย โรคมะเร็ง และโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องปฐมภูมิ ด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูก ผ่านเทคโนโลยี Hematopoietic Stem Cell Transplantation ที่มีอัตราการรอดชีวิตของเด็กภายหลังการปลูกถ่ายไขกระดูก 1 ปี สูงถึง 92% การันตีด้วยรางวัล Bone Marrow Transplant Service Provider of the Year in Asia-Pacific 2024 จาก Global Health Asia-Pacific Awards

 

 

‘ศูนย์โรคลมชัก โรคสมอง และระบบประสาทในเด็ก’ บริการตรวจและรักษาตั้งแต่ทารกแรกเกิดที่มีความผิดปกติด้านสมองและระบบประสาท โดยทีมกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท สามารถวินิจฉัยโรคด้วยเทคโนโลยีการตรวจพิเศษ ร่วมกับการตรวจคลื่นแม่เหล็กและรังสีวิทยาชั้นนำ เช่น EEG, EMG, CT Scan, MRI รวมถึงการตรวจหลอดเลือดสมองสำหรับเด็ก เช่น MRA, MRV ซึ่งจะช่วยให้การวางแผนการรักษาเกิดความแม่นยำและเหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย

 

 

นอกจากนี้ยังมี ‘ศูนย์ศัลยกรรมเด็กและทารก’ ที่ให้การผ่าตัดผู้ป่วยเด็กและทารกไปกว่า 1,000 ราย ดูแลทารกคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักแรกเกิดน้อยกว่า 500 กรัม และทารกที่มีภาวะแทรกซ้อนหลังเกิด ‘ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉินในเด็ก’ รักษาผู้ป่วยเด็กฉุกเฉินและวิกฤตตั้งแต่แรกเกิดมากกว่า 7,000 รายต่อปี ดูแลผู้ป่วยเด็กวิกฤตมากกว่า 3,000 ราย ให้ได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย และศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูเด็ก โดยมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพและเวชศาสตร์ฟื้นฟู ร่วมกับกุมารแพทย์เฉพาะทางด้านสมอง กุมารแพทย์ทางเดินหายใจ กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรม และสหสาขาวิชาชีพอื่นๆ ให้การดูแลผู้ป่วยเด็กแบบองค์รวม นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีในการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วย เช่น Robotic-Assisted Gait Training, Hybrid Assistive Limb (HAL) และ Redcord Neurac มาช่วยในการฟื้นฟู

 

สมาร์ตทุกมิติการรักษาด้วย Smart Healthcare Ecosystem ที่ครบวงจร

 

เพื่อให้ผู้รับบริการได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เหนือความคาดหมาย โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล จึงสร้าง Smart Healthcare Ecosystem ยกระดับการดูแลสุขภาพเด็กแบบครบวงจรให้สมาร์ตทุกมิติสุขภาพ สร้างประสบการณ์การรับบริการที่สะดวกสบายไร้รอยต่อด้วยระบบดิจิทัล ตั้งแต่ก่อนมาโรงพยาบาลถึงการดูแลต่อเนื่องหลังกลับบ้าน ผ่านแอปพลิเคชัน ‘Well Kidz’ ที่สามารถดูแลเด็กได้ทุกที่ทุกเวลา ตั้งแต่

 

  • Self-Care: ใช้ AI ประเมินสุขภาพเบื้องต้น
  • Early Care: ไม่ป่วย ป้องกันได้ด้วยโปรแกรมตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนแต่ละช่วงวัย
  • Risk Care: รู้ทันก่อนเกิดโรคด้วย Risk Score Screening และ Kidz Check ประเมินความรุนแรงของอาการจากที่บ้าน หรือใช้บริการ Kids Telehealth พบแพทย์เฉพาะทางแบบเรียลไทม์
  • Sick Care: ป่วยยังอุ่นใจได้ด้วยทีมกุมารแพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน นวัตกรรมทางการแพทย์ และบริการออนไลน์

 

ความสมาร์ตครอบคลุมไปถึง ‘Smart OPD’ ที่รวดเร็วและปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นระบบคัดกรองผู้ป่วยทางเดินหายใจกับผู้รับบริการอื่นๆ มีจอ Crowd Canvas แสดงความหนาแน่นของผู้รับบริการ และ Kids Dashboard แสดงคิวและระยะเวลารอพบแพทย์ มั่นใจว่าปลอดภัยด้วยระบบควบคุมการหมุนเวียนอากาศที่ดีเพื่อลดการติดเชื้อและหุ่นยนต์ทำความสะอาด รวมไปถึงการตกแต่งภายในด้วยดีไซน์โค้งมนเพื่อลดอุบัติเหตุ และ Smart Payment จ่ายเงินง่ายผ่านแอปพลิเคชัน ลดการรอได้ 60%

 

 

‘Smart IPD’ หมดกังวลเมื่อต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล ด้วยบริการ Fast Admit & Discharge แอดมิตได้รวดเร็ว และลดเวลารอกลับบ้านได้ 76% บริการ AI Price Estimation ประเมินราคาผ่าตัดแม่นยำกว่า 90% ลดเวลาประเมิน 87% Smart Patient Communication จอแสดงข้อมูลของคนไข้ สื่อสารระหว่างผู้ป่วยและทีมดูแลแบบเรียลไทม์ Samitivej PACE แอปพลิเคชันติดตามสถานการณ์ผ่าตัด Samitivej Prompt ระบบติดตามการรักษาระหว่างพักในโรงพยาบาล แสดงกิจวัตรประจำวัน แผนการรักษา รวมทั้งสั่งอาหารและเรียกแม่บ้าน และระบบ IV Alarm ที่เคาน์เตอร์พยาบาล ระบบแจ้งเตือนการให้สารน้ำที่เคาน์เตอร์พยาบาล เพื่อความปลอดภัยและไม่รบกวนผู้ป่วย

 

ดูแลต่อเนื่องหลังกลับบ้านผ่าน Kids Telehealth ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา และ Kid@Home ให้บริการดูแลถึงบ้าน เช่น การฉีดวัคซีน การตรวจสุขภาพ

 

 

อุ่นใจด้วย Smart ER ดูแลผู้ป่วยเด็กในภาวะฉุกเฉินและวิกฤตตั้งแต่จุดเกิดเหตุด้วยรถฉุกเฉินที่ติดตั้งระบบสื่อสารแบบเรียลไทม์ เชื่อมต่อกับศูนย์สั่งการรับ-ส่งต่อผู้ป่วย (Samitivej Medical Transport Center) ในการส่งข้อมูลผู้ป่วยล่วงหน้าเพื่อให้ทีมแพทย์ที่โรงพยาบาลเตรียมการรักษาได้ทันที และเปลี่ยนประสบการณ์ความเจ็บปวดด้วยรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ทำให้เด็กและผู้ปกครองคลายกังวล

 

ยกระดับสู่การเป็น International Patient Services

 

ที่นี่ยังโดดเด่นเรื่องการดูแลเชื่อมต่อทุกขั้นตอนสำหรับผู้ป่วยต่างชาติ ผ่านบริการ Teleconsultation ปรึกษาแพทย์ทางไกลเพื่อวางแผนการรักษาล่วงหน้า พร้อมบริการล่ามทางการแพทย์ ช่วยให้การสื่อสารสะดวก พร้อมด้วยบริการ Aeromedical Services เคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ รวมถึงมีเครือข่ายประกันมากกว่า 100 แห่งทั่วโลก

 

ที่ผ่านมาดูแลและรักษาผู้ป่วยเด็กจากทั่วโลกมากกว่า 100 ประเทศ เคลื่อนย้าย รับ-ส่งผู้ป่วยจากทั้งภายในและภายนอกประเทศไทยปีละมากกว่า 500 ราย นอกจากนี้ยังร่วมมือกับโรงพยาบาลชั้นนำในต่างประเทศ เช่น Doernbecher Children’s Hospital, Oregon Health & Science University (OHSU) และ Takatsuki General Hospital ในการดูแลทารกแรกเกิดและเด็กวิกฤต พร้อมนำองค์ความรู้มาพัฒนาการรักษา

 

 

ไม่เพียงให้ความสำคัญกับมาตรฐานการรักษาที่เหนือระดับสำหรับเด็ก ‘โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล’ ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการตอบแทนสังคม เริ่มจากตัวอาคารออกแบบตามมาตรฐาน LEED ระดับ Gold โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ กระจกอัจฉริยะลดความร้อนกว่า 40% และระบบกรองอากาศ PM2.5 ในระดับสีฟ้า เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ

 

 

ด้านสังคม โรงพยาบาลยังมีโครงการ ‘กองทุนสมิติเวช เพื่อชีวิตใหม่’ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2553 ในการสนับสนุนการผ่าตัดเด็กที่มีภาวะหัวใจพิการแต่กำเนิดกว่า 270 ราย ปลูกถ่ายไขกระดูกรักษาเด็กโรคธาลัสซีเมียและภูมิคุ้มกันบกพร่องชนิดปฐมภูมิ 9 ราย และผ่าตัดรักษาผู้ป่วยเด็กโรคกระดูกสันหลังคด 39 ราย รวมถึงการตรวจสุขภาพนักเรียนในชุมชนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

 

พันธกิจในการมุ่งสร้างความเป็นเลิศระดับนานาชาติ ผสานความล้ำสมัยของ Smart Hospital กับความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความต้องการของผู้รับบริการ ทำให้ได้รับรางวัลการันตีมากมาย เช่น รางวัลดีเด่นแห่งปี Specialty Hospital of the Year จาก Healthcare Asia Awards 2022 และรางวัลชนะเลิศ Talent Development ศักยภาพยอดเยี่ยมในการดูแลผู้ป่วยเด็ก ‘PEM-STAR’ A Novel Program to Enhance Pediatric Emergency Medicine Training in Thailand จาก Hospital Management Asia Awards

 

 

ที่สำคัญได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคสูงถึง 98% สะท้อนความมุ่งมั่นด้านศักยภาพในการรักษาและมุ่งส่งเสริมการป้องกันดูแลสุขภาพตั้งแต่ต้น เพื่อเป็นไปตามแนวคิดหลักที่อยากเห็นเด็กไทย ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของชาติ มีสุขภาพดี เติบโตอย่างแข็งแรง โตไปไม่ป่วย

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising