×

ศักดิ์สยาม แจงเหตุเปลี่ยนชื่อป้ายสถานีกลางบางซื่อเป็นประเพณีปฏิบัติ ทำเป็นปกติ หนองงูเห่าก็เคยเปลี่ยนเป็นสุวรรณภูมิ

โดย THE STANDARD TEAM
05.01.2023
  • LOADING...

วันนี้ (5 มกราคม) ที่รัฐสภา จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดต่อ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กรณีการเปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อเป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มูลค่ากว่า 33 ล้านบาท โดยตั้งคำถาม 3 ประเด็น ได้แก่

 

  1. ราคาแพงเกินไปหรือไม่
  2. เพราะอะไรจึงเปลี่ยนชื่อ และ
  3. ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ กรณีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพิ่งจะแพ้คดีบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทผู้รับจ้าง

 

จิรัฏฐ์กล่าวว่า ประเด็นแรก ป้ายสถานีกลางบางซื่อปัจจุบันมีอายุ 3 ปี เดิมมีแค่ตัวอักษร แต่ในการปรับปรุงครั้งนี้จะเพิ่มโลโก้ รฟท. เข้าไปด้วย ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเพิ่ม มีประโยชน์อย่างไร หาก รฟท. ต้องการประหยัดงบประมาณ สามารถเปลี่ยนแค่บางส่วนก็ได้ เช่น เก็บคำว่า ‘สถานีกลาง’ ไว้ แต่เปลี่ยนชื่อ หรือข้อเสนอของพรรคก้าวไกลคือให้ใช้ทั้ง 2 ชื่อคู่กัน เพราะไม่ว่าอย่างไรประชาชนก็จะเรียกว่าสถานีกลางบางซื่ออยู่ดี จึงขอถามว่าราคาค่าจ้างการเปลี่ยนป้ายมูลค่า 33 ล้านบาทนั้นเหมาะสมหรือไม่ แพงไปหรือไม่

 

ศักดิ์สยามชี้แจงว่า ที่ผ่านมาระบบขนส่งสาธารณะของประเทศไทยที่ให้บริการประชาชนทุกโครงการล้วนได้รับพระราชทานชื่อที่เป็นมงคลนาม การเปลี่ยนชื่อสถานีกลางบางซื่อเป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งมีความหมายว่า ‘ความรุ่งเรืองยิ่งแห่งกรุงเทพมหานคร’ จึงไม่ต่างจากการเปลี่ยนชื่อสนามบินหนองงูเห่าเป็นสนามบินสุวรรณภูมิ โดยได้ดำเนินการขอพระราชทานชื่อเมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 ได้รับพระราชทานชื่อใหม่เมื่อเดือนกันยายน 2565 และเดือนตุลาคม 2565 กระทรวงคมนาคมสั่งการให้ รฟท. ติดตั้งป้ายชื่อพระราชทานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่ง รฟท. กำหนด TOR การดำเนินการต้องสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 จึงจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีเฉพาะเจาะจง เพราะการปรับปรุงป้ายจะกระทบโครงการเดิมที่ดำเนินการเสร็จแล้วและอยู่ระยะค้ำประกันสัญญา หากไม่ใช้วิธีนี้จะมีปัญหา ต่อมาเมื่อเห็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน จึงได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในวันนี้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส มีรองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน จะทราบผลภายใน 15 วัน

 

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม ที่ได้รับพระราชทานชื่ออันเป็นมิ่งมงคลต่อกิจการรถไฟ ซึ่งถือว่านามสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จะสถิตสถาพรเป็นศรีสง่าต่อกิจการการรถไฟและกรุงเทพมหานคร และจะเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางรถไฟและจุดเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชน ทั้งระบบรถไฟทางไกล ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนการโดยสารของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครกับขนส่งสาธารณะอื่นๆ นับจากนี้จนอนาคตตลอดไป” ศักดิ์สยามกล่าว

 

จิรัฏฐ์กล่าวว่า คำถามของตนสั้นมาก ถามว่าราคา 33 ล้านบาทแพงเกินไปหรือไม่ ประชาชนคิดว่าแพง แต่รัฐมนตรีตอบไม่ตรงคำถาม อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้รัฐมนตรีพุ่งเป้าการตรวจสอบไปที่ รฟท. เพียงอย่างเดียว เพราะปีศาจมักซ่อนอยู่ในรายละเอียด หากย้อนไปเมื่อเดือนมกราคม 2563 ผู้รับเหมาคือบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งร่วมกับบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ติดตั้งป้ายสถานีกลางบางซื่อเสร็จสิ้น ต่อมาเมื่อได้รับพระราชทานชื่อใหม่ รัฐมนตรีก็เร่งรีบให้ รฟท. เปลี่ยนป้าย จึงใช้วิธีเฉพาะเจาะจงกำหนดราคากลางเสร็จเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว เมื่อประชาชนเห็นราคาที่สูงก็ตั้งคำถาม รัฐมนตรีจึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ถือเป็นสูตรสำเร็จในการเอาตัวรอด น่าสงสัยว่ารัฐมนตรีไม่รู้มาก่อนเลยหรือว่าอยากได้ชื่อสถานีใหม่ หรือไม่ว่าอย่างไรก็จะเปลี่ยนชื่อให้ได้โดยไม่สนว่าต้องใช้เงินภาษีประชาชนเท่าไร จึงขอตั้งคำถามที่สองต่อว่า ทำไมต้องเปลี่ยนชื่อสถานี

 

“รัฐมนตรีทราบหรือไม่ว่ามีป้ายเล็กป้ายน้อยอีกเท่าไรที่ต้องเปลี่ยนชื่อตาม ทั้งหมดต้องใช้เงินเท่าไร พาลจะลำบากไปถึง กทม. ผมคิดว่ารัฐมนตรีใช้เงินมือเติบเกินไป วันนี้ถ้าเอาหน่วยงานราชการของประเทศไทยมาเรียงกัน การรถไฟฯ น่าจะยาจกที่สุด เพราะขาดทุนต่อเนื่องทุกปีเป็นแสนล้าน แต่กลับใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้” จิรัฏฐ์กล่าว

 

จิรัฏฐ์กล่าวต่อว่า ที่รัฐมนตรีคมนาคมบอกว่า การเปลี่ยนชื่อเป็นประเพณีนั้น คือประเพณีอะไร และหากทราบว่าเป็นประเพณีทำไมจึงทำป้ายถาวรมาก่อน ถ้าหน่วยงานราชการอื่นเอาแบบอย่างจะต้องใช้เงินภาษีประชาชนอีกเท่าไร

 

นอกจากนี้อีกเรื่องที่สำคัญคือเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 รฟท. เพิ่งจะแพ้คดีต่อกิจการร่วมค้า SU ระหว่างบริษัท ยูนิค กับ บริษัท ซิโน-ไทย ความเสียหายกว่า 7,500 ล้านบาท เหตุผลหลักที่แพ้คดีในครั้งนั้น ตามที่ปรากฏในสำนวนการฟ้อง คือ รฟท. เอาสถานีกลางบางซื่อที่ยังไม่ได้จ่ายค่าก่อสร้างครบถ้วนไปทำศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ จนคนงงทั้งประเทศว่าทำไมต้องมาฉีดที่นี่ น่าตั้งคำถามว่าทำแบบนี้เพื่อให้แพ้คดีโดยง่ายหรือไม่ และน่าแปลกที่เกิดข้อพิพาทขนาดนั้นวันนี้ดอกเบี้ยก็ยังเดินอยู่ แต่ทำไมถึงยังจัดซื้อจัดจ้างบริษัท ยูนิค ความเสียหายที่เกิดขึ้นใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ รวมถึงงานก่อสร้างในอนาคตที่มีกิจการร่วมค้า SU จะมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีกหรือไม่ เป็นประเด็นคำถามที่สาม

 

ศักดิ์สยามกล่าวว่า ยืนยันว่ากระทรวงคมนาคมไม่มีอะไรต้องปกปิด ขอให้รอผลการตรวจสอบ เมื่อผลออกมาจะรายงานให้ประชาชนทราบแน่นอน การเปลี่ยนชื่อนั้นเป็นประเพณีปฏิบัติ ไม่ใช่ความต้องการของตน สถานที่สำคัญของราชการหลายแห่งก็ทำแบบนี้ เป็นเรื่องปกติ

 

ส่วนประเด็นราคาถูกหรือราคาแพง ตนไม่ยืนยัน เพราะไม่ใช่คนกำหนดราคา และเรื่องคดีความที่ว่า จนถึงตอนนี้คดียังไม่ถึงที่สุด ยังมีการต่อสู้อยู่ ต้องมีการอุทธรณ์ต่อไป

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising