วันนี้ (24 มีนาคม) สกลธี ภัททิยกุล ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ในนามอิสระ เปิดตัว 6 นโยบายหลัก ภายใต้แนวคิด ‘กทม. More กรุงเทพดีกว่านี้ได้’ โดยยืนยันว่าการลงสมัครในครั้งนี้ต้องการเข้ามายกระดับคุณภาพชีวิตให้คนกรุงเทพฯ ภายใต้นโยบาย ทำให้กรุงเทพฯ ดีกว่านี้ เป็นเมืองแห่งความสุข กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ดีได้ ต้องมีบริหารจัดการที่ดี หรือนำระบบเทคโนโลยีมาปรับใหม่ ตนเชื่อว่าสามารถปรับได้ทุกๆ อย่าง
สกลธีย้ำว่า หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จะทำนโยบายทั้งหมดภายใน 4 ปี นี่คืองานหลักที่ต้องทำ และจะขอแสดงศักยภาพในทุกสัปดาห์กับทีมอเวนเจอร์สกลธี
นอกจากนี้ การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จะแตกต่างจากหาเสียง ส.ส. ทุกอย่างต้องเกี่ยวเนื่องกับนโยบายที่ตนจะทำ จะลงพื้นที่ในแต่ละเขต สลับกับทีมงาน ตลอด 4 ปีที่เคยเป็นรองผู้ว่าฯ ไม่สามารถทำงานที่ต้องการ ยืนยันจะลงพื้นที่และทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนสาเหตุที่ไม่สามารถทำให้นโยบายเป็นจริงได้ เพราะตนเป็นแค่รองผู้ว่าฯ ทำงานร่วมกับผู้ว่าฯ กทม. รับผิดชอบในสิ่งที่ทำ แต่สิ่งที่อยากจะทำต่อไม่มีโอกาสตอนเป็นรองผู้ว่าฯ จะได้ทำเมื่อเป็นผู้ว่าฯ และตนรู้ระบบของ กทม. พอสมควร สไตล์การทำงานลงพื้นที่และลุยงาน นี่คือจุดแข็ง แต่จุดอ่อน คือเรื่องการเมือง อาจจะโดนลากไปอยู่ในกลุ่มการเมือง อุดมการณ์ทางการเมืองไม่เกี่ยวกับการทำงาน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กลัวไหมจะมีการตัดคะแนนกันเอง สกลธีเผยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะสนุกที่สุด เพราะทุกคนที่ลงแคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม. จะตัดคะแนนโดยธรรมชาติ และมีฐานแฟนคลับที่อาจจะตัดกันเอง แต่เชื่อว่าคนกรุงเทพฯ เวลาเลือกเขาฉลาดเลือก มีอะไรให้เซอร์ไพรส์เสมอ และการเลือกผู้ลงสมัครแบบอิสระสามารถทำงานได้จริง
อีกทั้งตนเป็นคนยุคใหม่-เก่า แม้จะเคยอยู่พรรคพลังประชารัฐหรือพรรคประชาธิปัตย์ การทำงานไม่ขึ้นกับพรรคการเมือง เมืองไทยขัดแย้งมานาน อยากให้คนกรุงเทพฯ เลือกตัวแทนที่สามารถทำงานได้จริง อุดมการณ์ทางการเมืองไม่เกี่ยวกัน ในฐานะที่ลงในนามอิสระมีความคล่องตัวกว่า มีเพื่อนทุกพรรคพร้อมช่วยเหลือ
สำหรับการลงในนามอิสระ คะแนนในส่วนสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ที่จะมาช่วยจะมาจากส่วนไหนนั้น คะแนนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ไปในทิศทางที่เดาไม่ได้ คนจะเลือกจากความพึงพอใจ การจะมี ส.ก. ในทีม ไม่ได้สำคัญมาก แต่เราได้ ส.ก. จากคนที่ประชาชนเลือก ถึงแม้จะมีพรรคการเมืองมีหลายฝ่ายมาปรึกษา แต่ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง แต่ละพรรคจะมีทางเดินในทางของเขา ถึงแม้จะไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ก็ไม่ข้องเกี่ยวกับหารเมืองหรือการจัดตั้งพรรค เพราะตนเป็นคนทำงาน ถึงแม้ ส.ก. จะมาจากพรรคขั้วตรงข้าม พวกเขาก็ต้องทำงานได้ เพราะคน กทม. เลือกพวกเขามาให้ทำงานกับตน